ขอสอบถามค่ะ ดิฉันเริ่มสนใจฟังธรรมและอ่านธรรมะของทางบ้านธัมมะมาได้สักระยะนึงแล้ว และล่าสุดได้อ่านคนทางบ้านธัมมะโพสเฟสบุคบ่อยๆ ว่า "ไม่มีใครทำอะไรใครได้ ไม่มีใครช่วยอะไรเราได้" "เราไม่สามารถเลือกอะไรได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม" แต่ทำไมพระพุทธเจ้าถึงถูกพระเทวทัตทำร้ายได้ ทำไมถึงมีการประทุษร้ายกันระหว่างบุคคลได้หรือแม้แต่มีตอนนึงที่เทวดาหรือยักษ์มาแกล้งมนุษย์ได้ หรือเรื่องในสมัยพุทธกาลมีคนทำกุศลแล้วต่ออายุได้ หรือแม้แต่การที่พ่อแม่และครูบาอาจารย์ช่วยสั่งสอนและช่วยเลี้ยงดูเราตั้งแต่เกิดจนโต ทำไมมีตอนที่พระเจ้าอชาตศัตรูโดนพระเทวทัตสอนผิดๆ และเลือกที่จะฆ่าพ่อของตัวเองซึ่งก็เกิดจากการที่ตัวเองเลือกทำเองไม่ใช่หรือคะ ทำไมจึงมีการบอกว่าเราเลือกไม่ได้ ทั้งๆ ที่พระเจ้าอชาตศัตรูสะสมปัญญามาเพื่อบรรลุธรรมในชาตินั้น แต่ท่านกลับเลือกที่จะทำชั่วซึ่งก็แปลว่าเลือกได้ไม่ใช่เหรอคะ มีตอนที่พระสารีบุตรไปช่วยโปรดมารดาของท่านให้บรรลุได้และยังมีตอนที่มารมาดลใจให้พระอานนท์พลาดทูลเชิญพระพุทธเจ้าให้อยู่ต่อ ในเมื่อบอกว่าไม่มีใครทำอะไรใครได้ ไม่มีใครช่วยอะไรใครได้และเรายังเลือกอะไรไม่ได้ แต่ทำไมจึงมีเรื่องราวเหล่านี้ในพระไตรปิฎก และทำไมพระพุทธองค์ทรงเลือกว่าจะไปโปรดสัตว์คนไหนก็ได้ หรือการที่สอนให้เลือกคบบุคคลหรือเลือกให้กับเนื้อนาบุญที่ดี เลือกวัตถุทานที่ประณีต ทำไมถึงเลือกได้และทำไมถึงมีการกระทำต่อกันได้ เป็นคำสอนที่ขัดกันหรือไม่คะ หรือว่ากล่าวโดยละนัย อยากขอคำแนะนำเพื่อจะได้ทำความเข้าใจคำสอนของทางบ้านธัมมะทีค่ะ บางทีอาจจะเป็นการกล่าวโดยปรมัตถ์ล้วนๆ หรือเปล่าแต่คนใหม่ๆ อย่างดิฉันและเพื่อนๆ ในเฟสบุคมาอ่านแล้วก็เข้าใจบ้านธัมมะผิดไปกันมากเลยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่มีใครทำอะไรใครได้และเราเลือกไม่ได้ แสดงถึงความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ที่มักได้ยินคำนี้เสมอ คือ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา คือ บังคับบัญชาไม่ได้ และเป็นไปตามเหตุปัจจัย และเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา จึงเป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา ตัวตน การที่จะเกิดสิ่งใด เหมือนเลือกได้ เลือกที่จะทำชั่ว เลือกที่จะทำดี แต่แท้ที่จริง ใครเลือก หากเข้าใจถูก ก็คือ การเกิดขึ้นของจิตตามที่สะสมมา เมื่อมีเหตุที่จะเกิดคิดดี ไม่มีใครสามารถบังคับไม่ให้คิดดีก็ไม่ได้ มีเหตุที่จะคิดไม่ดี ก็คิดไม่ดี ใครคิด ไม่ใช่พระเจ้าอชาตศัตรู ไม่ใช่พระเทวทัตคิดและทำ แต่ เป็นจิตที่เกิดขึ้น อกุศลจิต ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่พระเจ้าอชาตศัตรู ไม่ใช่พระเทวทัตคิดไม่ดี อกุศลธรรม อกุศลจิต ที่ไม่ดีเท่านั้นเกิดขึ้น ไม่อยากจะให้คิดไม่ดี ก็เกิดคิด และ คิดแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยของธรรม คือ แสดงออกมาทางกาย วาจา ไม่มีใครทำ ไม่มีใครเลือก เพราะมีแต่ธรรม และ ธรรมต้องเป็นไปอย่างนั้น คือ คิดไม่ดี พูดไม่ดี กระทำทางกายไม่ดี นี่แสดงถึงว่า เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่มีใครเลือกได้ ดังนั้น เรื่องราวในพระไตรปิฎก แสดงโดยนัยพระสูตร ที่เป็นสัตว์ บุคคล เพื่อให้ทราบว่า บุคคลใด ทำอะไร แต่ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง มีความละเอียดลึกซึ้งเพราะพระองค์ทรงแสดงความจริง ให้ทราบเหตุของการกระทำทางกาย วาจานั้น ว่ามาจากเหตุใด และ มาจากสิ่งใด นั่นคือ มาจากธรรมที่เกิดขึ้น เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา ดั่งที่พระพุทธองค์ทรงแสดงความจริงของไตรลักษณ์ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์และอนัตตา ซึ่งให้เข้าใจถูกโดยการแสดงพระอภิธรรมว่ามีแต่ธรรมเป็นไป ไม่มีใครเลือกได้ เพราะในความเป็นจริง ไม่มีใคร ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปแต่ละขณะเท่านั้น ครับ
เพราะฉะนั้น ชีวิตประจำวันแต่ละขณะ ก็แสดงถึงความเป็นอนัตตา เลือกไม่ได้เลย คิดว่าเลือกจะทำสิ่งนี้ แต่ถ้าเข้าใจถูก จิตที่คิดว่าจะทำ จะเลือก ก็เกิดขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจมาก่อนเลยว่าจะคิดอย่างนี้ แต่ก็คิดแล้วและสิ่งที่คิด จิตที่คิดก็ดับไป ไม่มีใครจะไม่ให้ดับก็ไม่ได้ เกิด ตาย ทุกขณะ ที่เป็นสภาพธรรม ไม่อยากให้เจ็บ ตายเลือกไม่ได้ เพราะธรรมเป็นไปอย่างนั้น จึงควรเริ่มจากความจริงในขั้นการฟัง ว่า ความจริงแล้วมีแต่ธรรมไม่ใช่เรามีแต่ธรรมเป็นไป ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณในความรู้ที่ทำให้เข้าใจมากขึ้น และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรม เกิดเพราะเหตุปัจจัย ถ้าไม่ได้ทำเหตุที่ไม่ดีไว้ แล้วผลที่ไม่ดีจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำกรรมชั่วแล้ว จะไปอ้อนวอนขอร้อง ไม่ให้ผลที่ไม่ดีเกิดขึ้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
ธรรม เป็นความจริง ซึ่งจะต้องมีความมั่นคงจริงๆ ว่า ธรรม เป็นธรรม ใครๆ ก็บังคับบัญชาไม่ได้ และ การที่แต่ละคนจะเกิดอกุศลจิต จนมีกำลังถึงขั้นประทุษร้ายผู้อื่น นั้น ก็เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล ซึ่งเมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้วไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่
ถ้าได้เข้าใจในความเป็นเหตุเป็นผล ในกรรมและผลของกรรม ก็จะทำให้มีความมั่นคงในการที่จะสะสมความดี และ ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม สะสมเป็นที่พึ่งต่อไป ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ ลึกซึ้งมากจริงๆ ไม่เคยได้ยินแบบนี้ที่ไหนมาก่อนในชีวิตเลย ขอบพระคุณอาจารย์ทางบ้านธัมมะค่ะ จะตั้งใจฟังต่อไปให้เข้าใจยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคะ
ขออนุโมทนาครับ