ผมฟังอาจารย์สอนธรรมะท่านนึง เป็นฆาราวาสมีชื่อเสียงล่ะครับ ท่านก็ตอบคำถามผู้ที่ฟังธรรม แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทุกข์ปล่อยว่างไม่ได้จริงเหรอครับ ใครพอจะช่วยอธิบายได้ไหมครับ ผมแกะบทสนทนาในคลิปตามนี้นะครับ
ผู้ถาม: ที่อาจารย์พูดถึงทุกขะทุกขะ มีคำถามว่าแล้วทุกข์ที่เกิดขึ้นปล่อยวางได้หรือเปล่า
อาจารย์: ถามนี่ยังสงสัยใช่ไหม
ผู้ถาม: ค่ะ
อาจารย์: สงสัยว่า
ผู้ถาม: แบบถ้ามีทุกข์เนี่ย แล้วปล่อยวางไปเลย
อาจารย์: ไหนลองปล่อยสิ่
ผู้ถาม: ตัวหนูเองปล่อยไม่ได้ (ได้ยินคนอื่นพูด)
อาจารย์: แล้วใครปล่อยวางได้ เป็นคำพูดชวนเชื่อ เหมือนกับคำบอกเล่าให้ปล่อยวางแต่ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะดับก่อนที่จะปล่อยวาง
ผู้ถาม: แล้วเราจะมีความเข้าใจตรงนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร
อาจารย์: ปล่อยวางไม่ได้เพราะเกิดแล้วดับทันทีเลย ใครจะไปปล่อยวางตรงไหน ดับแล้วนี่ จะไปปล่อยวางตรงไหน
ผู้ถาม: ปล่อยวางไม่ได้
อาจารย์: สภาพธรรมเกิดแล้วดับ เกิดตรงไหน ดับตรงไหน ไม่รู้ต่างหาก ก็มีความเป็นตัวตนที่จะปล่อยวาง
ผู้ถาม: ห่ะ ทีนี้...
อาจารย์: สิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าไม่มีปัจจัยก็เกิดไม่ได้แม้แต่ทุกข์ แล้วไม่ต้องมีใครไปปล่อยวาง ทุกข์ดับแล้ว เพราะฉะนั้นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้ทำ แต่ให้เข้าใจถูกตามความเป็นจริง
(จบคลิป)
คือจบไปแบบผมยังไม่เคลียร์เลยคาใจน่ะครับ ซึ่งผมเองก็ยังงงๆ กับที่ว่าทุกข์เกิดแล้วดับทันที แล้วถ้าสมมติผมเป็นมะเร็ง ทุกข์เกิดทั้งทางกายและทางใจ จะดับทันทีตามอาจารย์บอกได้อย่างไร เพราะมันเกิดต่อเนื่องกัน จิตที่รู้ดวงก่อนหน้าดับ แต่จิตดวงต่อไปก็จะรับช่วงต่อ ถ้าผมปล่อยวาง คือเข้าใจว่าก็มันทุกข์อย่างนี้ ใจผมไม่ทุกข์ก็เหลือแค่ทุกข์เดียวคือทุกข์กาย อันนี้เท่ากับผมปล่อยวางทุกข์ทางใจใช่หรือเปล่า อาจารย์ในคลิปบอกการปล่อยวางทุกข์เป็นคำบอกเล่า คำชวนเชื่อ งงครับ สับสน ถ้าอาจารย์ไม่ใช่คนดัง คนมีชื่อเสียง ผมคงปล่อยผ่าน แต่อาจาร์ย์ก็เป็นผู้มีชื่อเสียงในเรื่องสอนอภิธรรมแต่ทำไมมันฟังแล้วยิ่งงง
คำว่าปล่อยวางคือเราไม่ยึดติดกับสิ่งนั้น หรือ ปล่อยวางไม่มีจริง เพราะทุกอย่างมันดับไปแล้วก่อนจะปล่อย?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก็เพราะไม่เข้าใจธรรมเป็นเบื้องต้นว่าธรรมคืออะไร ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ข้ามแม้คำว่าอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ ขณะนี้มีกิเลสเกิดเกือบตลอดเวลา ก็ไม่รู้ และบังคับกิเลสไม่ให้เกิดได้ไหม ถ้ามีเหตุปัจจัย ดังนั้น ใครบอกให้เราปล่อยวาง คนที่บอกก็ไม่เข้าใจคำพระพุทธเจ้า คำที่เป็นสัจจะความจริงไม่เปลี่ยน คือ ธรรมทั้หลายเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ คำเหล่านั้นที่บอกให้ปล่อยวาง เป็นคำ ที่แสดงถึงผล โดยไม่มีเหตุ ก็เป็นคำเลื่อนลอย ชวนเชื่อ เพราะเป็นคำผิด ที่บุคคลนั้นมีปัญญารู้ความจริงแล้ว จึงไม่ยึดถือว่าเป็นเรา แต่ เมื่อไม่มีเหตุคือปัญญา บอกให้ปล่อยวาง ก็เป็นเราที่ปล่อยวาง คิดว่าการเฉยๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ เป็นการปล่อยวาง ไม่มีปัญญาเข้าใจความจริงเลยในขณะนั้น ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ก็มีเรา ที่เฉยๆ ไม่เดือดร้อน นั่นไม่ใช่การปล่อยวางในพระพุทธศาสนา ตอนนี้กิเลสเกิดแล้ว แค่เห็นก็ติดข้องในสิ่งที่เห็น รู้ไหมว่ากิเลสเกิดแล้ว ไม่รู้เลย เห็นไม่รู้ว่าเป็นธรรม ก็เป็นกิเลสแล้ว แล้วมีคนบอกว่าให้ปล่อยวาง อย่าเกิดกิเลส อย่าเกิดความไม่รู้ ทำได้ไหม เพราะไม่รู้จักกิเลส ก็สำคัญผิดว่าปล่อยวาง ไม่รู้ว่าปัญญาในพระพุทธศาสนารู้อะไร ก็สำคัญว่าปล่อยวาง นี่คือความละเอียดของพระธรรม ถ้าไม่ตั้งต้นจากคำว่า อนัตตา ไม่ใช่เรา บังคับบัญชาไม่ได้ การศึกษาพระธรรมก็จะผิดทางไปหมด เพราะสำคัญว่ามีเราทำได้ มีเราปล่อยวาง
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
เพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ ครับ
ปล่อยวาง
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาในกุศลค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
คนที่บอกว่า ทุกข์สามารถปล่อยวางได้ แสดงว่า กำลังบอกว่า สามารถควบคุมบังคับบัญชาทุกข์ได้ แสดงว่า ทุกข์นั้นเป็นอัตตา ควบคุมบังคับบัญชาได้ ไม่ใช่อนัตตา ซึ่งค้านแย้งกับคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วเราควรจะเชื่อท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ซึ่งสอนตรงตามคำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา หรือเราควรจะเชื่อคำของผู้ที่สอนในสิ่งซึ่งตรงกันข้ามหรือแย้งกับคำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ขอให้เป็นปัญญาของผู้นั้นที่จะได้พิจารณาไตร่ตรองเอาเองครับ