ผมมีข้อสงสัยครับ
* พุทธวจน มี150พระสูตรใช่หรือไม่ครับ
* แล้วเราควรเชื่อเฉพาะคำพระศาสดา ตามพุทธวจนถูกหรือไม่ครับ
* พระศาสดา กล่าวว่าวจนะพระองค์ไม่ขัดแย้งกัน
แต่หลายพระสูตรขัดแย้งกัน เช่น
-พระองค์กล่าวเรื่องเดรัจฉานวิชา กับเรื่องให้พระอานนท์ทำน้ำมนต์
-ที่เราสวดปกติจะมีคำว่า "ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล กับคำทำนาย5,000ปี
หรือว่าสิ่งที่ขัดแย้งเป็นคำสาวก แล้วเราควรเชื่อเฉพาะพุทธวจน ตามคำพระศาสดาไหมครับ
* พระองค์กล่าวว่า ไม่ให้ยกเลิกคำพระองค์
และไม่ให้เพิ่มถูกไหมครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงสิ่งที่มีจริง ที่ละเอียดยิ่ง ให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง ด้วยการทรงแสดงพระธรรม ประกาศความจริงให้สัตว์โลกได้เข้าใจถูกเห็นถูก จากที่เต็มไปด้วยความไม่รู้ ก็จะค่อยๆ มีความรู้ที่เจริญขึ้นไปตามลำดับ จนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับ พระธรรมคำสอนของพระองค์ เป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อละตั้งแต่ต้นจนถึงทีสุด กล่าวคือ ละความไม่รู้ ความเห็นผิด ตลอดจนกิเลสทั้งหลายทั้งปวง ดังนั้น จึงต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเองจริงๆ ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงอะไรให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริง ทั้งหมด คำจริง ที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ว่าจะเป็นใครกล่าว ก็คือ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหมด ซึ่งผู้ฟังผู้ศึกษาต้องมีความละเอียด รอบคอบ พิจารณาไตร่ตรองว่า เป็นจริงอย่างนั้นหรือไม่ เป็นปัญญาของตนเอง
พระสูตร ไม่ได้มีเพียงแค่ ๑๕๐ พระสูตร หรือแม้แต่สิกขาบทที่เป็นพระวินัยบัญญัติ ไม่ได้มีเพียง ๑๕๐ สิกขาบท
-พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่มีการขัดแย้งกัน พระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง ถ้าศึกษาไม่ละเอียด หรือเพียงผิวเผินก็ทำให้เข้าใจพระธรรมคลาดเคลื่อน ตามความเป็นจริงแล้ว ในสมัยพุทธกาล ในรัตนสูตร มีข้อความว่า ท่านพระอานนท์เอาบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าตักน้ำมา เดินประพรมไปทั่วพระนคร ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่เพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บหรืออันตรายใดๆ แต่เป็นการเตือนสติให้น้อมระลึกถึงพระธรรม เพราะไม่ว่าจะเป็นเวลาใด สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ คือ ความเข้าใจพระธรรม และที่สำคัญมีการแสดงพระธรรมเพื่อให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกด้วย เพราะผู้คนตั้งมากมาย จะเตือนด้วยวิธีใด ก็ต้องเตือนด้วยวิธีนี้ ที่จะให้ได้มีที่พึ่ง คือ มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง โดยการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งในเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงรัตนสูตร มีผู้ได้บรรลุธรรมมากมาย ความเข้าใจพระธรรม นี้เอง ที่เป็นเครื่องป้องกันภัย
พระพุทธมนต์ ไม่ใช่น้ำ แต่เป็นพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง อันเกิดจากพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์ ทรงมีพระมหากรุณาต่อสัตว์โลกที่มากไปด้วยกิเลส มีความไม่รู้ ความติดข้อง เป็นต้น จึงทรงแสดงความจริงนี้ ให้สัตว์โลกได้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เป็นพระสูตรต่างๆ ธรรมหัวข้อต่างๆ เป็นต้น ทั้งหมด เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก จึงไม่มีพระธรรมคำสอนแม้แต่บทเดียวที่ให้ไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ มีแต่ทรงแสดงพระธรรม ซึ่งเป็นความจริง เพื่ออนุเคราะห์ให้สัตว์โลกได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นปัญญาของตนเอง เพราะฉะนั้น แล้ว จะเข้าใจในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ ต้องฟัง ต้องศึกษา ไม่ประมาทในแต่ละคำที่พระองค์ทรงแสดง
-พระธรรม อันตรธาน (สูญสิ้น,หายไป) จากใจของผู้ที่ไม่ได้ฟังไม่ได้ศึกษา หรือ มีความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แต่เมื่อใดที่มีผู้เห็นประโยชน์ มีการฟังมีการศึกษา และเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ยังมีผู้ได้รับประโยชน์จากพระธรรม พระธรรม ก็ยังดำรงอยู่ จนกระทั่งเมื่อไม่มีผู้เข้าใจถูกเห็นถูก แล้ว พระธรรมก็อันตรธานในที่สุด
-จะเห็นถึงความเคารพ นอบน้อมของพระอรหันต์ทั้งหลาย ที่มีต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้ว่าจะทรงอนุญาตให้เพิกถอน "สิกขาบทเล็กน้อย" ได้ ตามข้อความที่ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร ว่า "ดูกร อานนท์ ถ้าสงฆ์ปรารถนาจะถอนสิกขาบทเล็กน้อย เสียบ้าง จงถอนเถิด โดยล่วงไปแห่งเรา" แต่พระอรหันตเถระทั้งหลาย ท่านก็มีความเคารพในสิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงบัญญัติแล้ว เพราะฉะนั้น พระอรหันตเถระทั้งหลาย ก็ไม่ถอนพระบัญญัติที่ทรงบัญญัติแล้วและไม่บัญญัติ สิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณ ที่ได้อธิบาย ถึงจะคลายความสงสัยได้ไม่หมด แต่ก็ได้เข้าใจเพิ่มขึ้น
ขอบพระคุณครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ท่านพระอานนท์กล่าวรัตนสูตรแสดงธรรมะด้วย เช่น รัตนะอื่นใดที่ประเสริฐเสมอด้วยพระพุทธเจ้าไม่มี ฯลฯ ค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม...
พระไตรปิฎก ๙๑ เล่ม
การค้นหาข้อมูลจากพระไตรปิฎก