ถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมพิธีใหญ่ครั้งหนึ่ง ไปถึงก่อนใครๆ จึงเลือกที่นั่งตรงกลางๆ คิดว่าคงเหมาะสมกับยศตำแหน่งของตน เจ้าหน้าที่ต้อนรับ มาบอกให้ไปนั่งข้างหลัง (น่าจะไปพาไปนั่งตั้งแต่แรก หรือเราไปถึงก่อนที่จะมาทำหน้าที่) เพราะที่เรานั่งนั้น สำหรับผู้ใหญ่กว่า เรารู้สึกหน้าชาด้วยความละอาย และความโกรธ เข้าใจความทุกข์ของเทวดาที่ต้องถอยไปข้างหลังเรื่อยๆ ถ้ามีเทวดาผู้มีศักดิ์มากกว่ามาปรากฏตน แต่เมื่อใกล้เวลาทำพิธี ที่นั่งที่กันไว้ให้ผู้ใหญ่กว่าเรานั่งนั้น ก็ว่างเปล่า เพราะไม่มีผู้ใหญ่มา เจ้าหน้าที่คนเก่าก็มาเชิญคนที่นั่งข้างหลังไปนั่งข้างหน้าให้เต็ม โดยไม่คำนึงถึงยศตำแหน่งเหมือนตอนแรก เมื่อเวลาผ่านไป มานึกดูแล้ว ก็เกิดหิริโอตตัปปะ ละอายใจที่เกิดความโกรธในเรื่องไม่เป็นเรื่อง มีมานะถือตัวถือตน ทั้งๆ ที่ฟังธรรม ศึกษาธรรมมาตั้งนานแล้ว ก็น่าจะเห็นโทษของความโกรธ และความสำคัญตนบ้าง แต่เมื่อฟังเรื่องการบำเพ็ญบารมีในชีวิตประจำวัน ที่ท่านอาจารย์บรรยายไว้ใน “แนวทางเจริญวิปัสสนา” แล้ว ก็รู้ว่า เราเข้าใจผิดมากอีกแล้ว (และถ้าศึกษาธรรมต่อไป ก็คงจะรู้ว่า เข้าใจผิดอีกแล้วไปเรื่อยๆ เพราะปัญญาของเรานั้นน้อยกว่า จะงอยปากยุงที่จุ่มลงในมหาสมุทร ฟังเรื่องใหม่ ก็รู้ว่าเข้าใจผิดอีกแล้ว เห็นหรือยังว่า ถูกห่อหุ้มอยู่ในเปลือกไข่ของอวิชชาและโลภะหนาแน่นขนาดไหน) ผู้ที่ไม่โกรธเลย คือ พระอนาคามีบุคคล ผู้ที่ไม่มีมานะ ความสำคัญตนคือ พระอรหันต์ แล้วเราเป็นใคร ถึงจะหยุดโกรธ หยุดถือตัวถือตน ก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ยังมีกิเลสมากมาย ได้ฟังธรรมศึกษาธรรมเพียงเล็กน้อย ก็คิดว่าเราไม่น่าจะโกรธ ไม่น่าจะถือตัวอย่างนี้ได้อย่างไร ความไม่โกรธ ไม่ถือตนนั้นเป็นคุณธรรมของพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เมื่อเหตุสมควร คือ ท่านเจริญปัญญาจนได้บรรลุคุณธรรมขั้นนั้นๆ แล้ว ก็เป็นเหตุให้กิเลสเหล่านั้นหมดไปได้ ไม่ใช่ฟังธรรม แล้วรู้ว่า กิเลสเป็นสิ่งที่ควรละ ก็อยากจะหมดไปเลย ท่านอาจารย์บรรยายว่า สำหรับปุถุชนนั้นควรเดินตามรอยของพระโพธิสัตว์ คือ บำเพ็ญบารมีทั้ง ๑๐ ให้ครบถ้วนก่อน ไม่ใช่จะดำเนินตามรอยพระอนาคามีบุคคล คือ ไม่โกรธเลย หรือตามรอยพระอรหันต์ คือ ไม่มีความสำคัญตนเลย นั่นเป็นความเข้าใจผิดของเราเอง ตอนนี้ควรฟังธรรมให้เข้าใจมากขึ้นว่า ทุกอย่างเป็นธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ฟังธรรมให้เข้าใจ เพื่อเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติระลึกถึงลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏไปเรื่อยๆ เจริญกุศลทุกประการ จนกว่าบารมีทั้งหลายจะเต็มเปี่ยม
ฟังธรรมให้เข้าใจ เพื่อเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติระลึกถึงลักษณะของสภาพธรรม ที่ปรากฏไปเรื่อยๆ เจริญกุศลทุกประการ จนกว่าบารมีทั้งหลายจะเต็มเปี่ยม
ขออนุโมทนาครับ
" ไม่น่าจะ ไม่น่าจะได้อย่างไร เพราะทุกอย่างเป็นธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย"
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ได้อ่านข้อความทั้งหมดแล้ว ต้องขอขอบพระคุณ อย่างน้อยได้เรียนรู้เพื่อพิจารณาตัวเอง ที่ต้องเท่าทันเช่นกันและขออนุโมทนาค่ะ
ขอขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ฟังธรรมเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว และไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง มีธรรมปรากฏให้สติระลึกรู้อยู่ตลอด ฟังธรรมให้เข้าใจ เพื่อเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติระลึกถึงลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏไปเรื่อยๆ เจริญกุศลทุกประการ จนกว่าบารมีทั้งหลายจะเต็มเปี่ยม
กราบอนุโมทนาพี่แดงค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงด้วยครับ
ยอมรับว่า อ่านเรื่องของท่าน พลอากาศตรีหญิง แห่งกองทัพอากาศไทยครานี้ ยิ้มแล้วยิ้มอีก นอนหลับคืนนี้ นอนยิ้มอย่างมีปีติจริงๆ ครับ
ขอบพระคุณในความจริงใจของพี่แดงอีกครั้งครับ
เป็นชีวิตประจำวันจริงๆ ค่ะ ซึ่งเกิดกับทุกๆ คน ไม่เหมือนกันตรงที่บางคนรู้เท่าทันก็ ประเสริฐสุด แต่บางคนยังคงความโกรธและมีมานะ สำคัญตนอย่างมาก
ขอบคุณค่ะที่นำมาเป็นตัวอย่างที่ดี
ขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาคะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ สาธุ
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ