๖. โกสิยชาดก ว่าด้วยผู้รู้กาลควรไม่ควร
โดย บ้านธัมมะ  22 ส.ค. 2564
หัวข้อหมายเลข 35644

[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 406

๖. โกสิยชาดก

ว่าด้วยผู้รู้กาลควรไม่ควร


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 406

๖. โกสิยชาดก

ว่าด้วยผู้รู้กาลควรไม่ควร

[๓๐๑] การออกไปในเวลาอันสมควร เป็นความดี การออกไปในเวลาอันไม่สมควร ไม่ดี เพราะว่าคนผู้ออกไปโดยเวลาไม่สมควร ย่อมไม่ยังประโยชน์อะไรให้เกิดได้ คนที่เป็นศัตรูเป็นอันมาก ย่อมทำอันตรายคนผู้ออกไปแต่ผู้เดียวในเวลาอันไม่สมควรได้ เหมือนฝูงการุมจิกนกเค้า ฉะนั้น.

[๓๐๒] นักปราชญ์รู้จักวิธีการต่างๆ เข้าใจช่องทางของคนเหล่าอื่น ทำพวกศัตรูทั้งมวลให้อยู่ในอำนาจได้แล้ว พึงอยู่เป็นสุขเหมือนนกเค้าผู้ฉลาด ฉะนั้น.

จบ โกสิยชาดกที่ ๖

อรรถกถาโกสิยชาดกที่ ๖

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเจ้าโกศล ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า กาเล นิกฺขมนา สาธุ ดังนี้.


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 407

พระเจ้าโกศลเสด็จออกในเวลาไม่สมควร เพื่อปราบปรามชายแดน. เรื่องนี้มีนัยดังที่กล่าวแล้วในหนหลังทั้งนั้น. ส่วนพระศาสดาทรงนำอดีตนิทานมาตรัสเล่า.

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพาราณสีเสด็จกรีฑาทัพออกในเวลาไม่สมควร ทรงยับยั้งกองทัพอยู่ที่อุทยาน. ในกาลนั้น มีนกเค้าตัวหนึ่งเข้าไปซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ไผ่. ฝูงกาต่างมาล้อมไว้ด้วยคิดว่า จักจับนกเค้าตอนออก. นกเค้าไม่คอยรอจนถึงพระอาทิตย์ตก จึงออกในกาลไม่สมควร พอขยับจะบินหนี. ทีนั้น กาทั้งหลายจึงรุมกันจิกตีจนล่วงลง. พระราชาตรัสเรียกพระโพธิสัตว์แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนท่านบัณฑิต พวกกาเหล่านี้จิกตีนกเค้าตกลงด้วยเหตุใดหนอ. พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ข้าแต่ มหาราชเจ้า นกเค้าออกจากที่อยู่ของตนในกาลไม่สมควร จึงได้รับความทุกข์เห็นปานนี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรออกจากที่อยู่ของตนในกาลไม่สมควร. เมื่อจะประกาศข้อความนี้ จึงกล่าว คาถาทั้งสองนี้ว่า :-

การออกไปในเวลาอันสมควรเป็นความดี การออกไปในเวลาอันไม่สมควรไม่ดี เพราะว่าผู้ออกไปในเวลาไม่สมควร ย่อมไม่ยังประโยชน์อะไรให้เกิดได้ คนที่เป็นศัตรูเป็นอันมาก ย่อมทำอันตรายคนผู้ออกไปแต่ผู้เดียว ในเวลาอันไม่สมควรได้ เหมือนฝูงการุมจิกนกเค้าฉะนั้น.


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 408

นักปราชญ์รู้จักวิธีการต่างๆ เข้าใจช่องทางของคนเหล่าอื่น ทำพวกศัตรูทั้งมวลให้อยู่ในอำนาจได้แล้ว พึงอยู่เป็นสุขเหมือนนกเค้าผู้ฉลาด ฉะนั้น.

ในบทเหล่านั้น บทว่า กาเล นิกฺขมนา สาธุ ความว่า การออกไปก็ดี การก้าวไปก็ดี ชื่อว่าการออกไป การออกไปในกาลอันสมควรเป็นการดี การออกไปในกาลอันไม่สมควร ไม่ดี เพราะฉะนั้น การออกไปก็ดี การก้าวไปก็ดี เพื่อจะไปในที่อื่นจากที่อยู่ของตน ไม่ดี. ในบทสี่บทมีอาทิว่า อกาเลหิ พึงประกอบ บทที่สามด้วยบทที่หนึ่ง บทที่สี่ด้วยบทที่สอง แล้วพึงทราบความอย่างนี้. ที่นั้นแลชนเป็นอันมาก คือคนที่เป็นศัตรูเป็นอันมากล้อมคนๆ เดียวผู้ออกไป หรือก้าวไปในเวลาอันไม่สมควร ยังคนๆ เดียวให้ถึงความพินาศ. เปรียบเหมือนฝูงกาจิกนกเค้า ผู้ออกไป หรือก้าวไปในเวลาอันไม่สมควร ให้ถึงมหาพินาศฉะนั้น. เพราะฉะนั้น ให้ดูสัตว์เดียรฉานเป็นต้น ใครๆ ไม่ควรออกไป ไม่ควรก้าวไปจากที่อยู่ของตนในเวลาอันไม่สมควร. บทว่า ธีโร ในคาถาที่สอง ได้แก่ บัณฑิต. บทว่า วิธี ได้แก่ ประเพณีที่ บัณฑิตแต่ก่อนได้วางไว้. บทว่า วิธานํ ได้แก่ ส่วน หรือการจัด. บทว่า วิวรานุคู ได้แก่ เดินตาม คือรู้. บทว่า สพฺพามิตฺเต ได้แก่ ศัตรูทั้งหมด. บทว่า วสีกตฺวา ได้แก่ ทำไว้ในอำนาจของตน. บทว่า โกสิโยว คือ เหมือนนกเค้าผู้ฉลาดอื่นจากนกเค้าโง่นี้.


ความคิดเห็น 4    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 409

ท่านอธิบายไว้ว่า ก็ผู้ใดแลเป็นบัณฑิตย่อมรู้วิธีการอันเป็นส่วนของวิธี กล่าวคือประเพณีที่โบราณกบัณฑิตวางไว้ว่า ในกาลนี้ ควรออกไป ควรก้าวไป ในกาลนี้ ไม่ควรออกไป ไม่ควรก้าวไป หรือ การจัดแจงวิธีนั้น. ผู้นั้นชื่อว่า รู้จักวิธีการต่างๆ รู้ช่องทางของคนอื่น คือ ศัตรูของตนเหมือนนกเค้าผู้ฉลาด ออก และก้าวไปโดยกาลอันสมควรของตน คือตอนกลางคืน จิกหัวกาซึ่งนอนอยู่ ณ ที่นั้นๆ ทำกาเหล่านั้นทั้งหมดให้อยู่ในอำนาจของตน พึงอยู่เป็นสุขฉันใด แม้บัณฑิตออกไป ก้าวไป ในกาลอันสมควรก็ฉันนั้น กระทำศัตรูของตนให้อยู่ในอำนาจ พึงมีความสุข ไม่มี ทุกข์ ฉะนั้น.

พระราชาทรงสดับคำของพระโพธิสัตว์แล้วเสด็จกลับ พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก. พระราชาในครั้งนั้นได้เป็นอานนท์ในครั้งนี้ ส่วนอำมาตย์บัณฑิต คือ เราตถาคตนี้แล.

จบ อรรถกถาโกสิยชาดกที่ ๖