ไม่เคยคาดหวังในการฟังธรรม
โดย Nareopak  12 ส.ค. 2552
หัวข้อหมายเลข 13152

ดิฉันไม่เคยคาดหวังในการมาฟังธรรมที่มูลนิธิฯ

ขอเพียงให้ได้มาฟังธรรมและได้พบกัลยาณมิตร ดิฉันก็รู้สึกเป็นสุขใจอย่างยิ่ง

ตั้งแต่ได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์อย่างต่อเนื่อง

ดิฉันเริ่มรู้สึกได้ว่าดิฉันละอะไรๆ ได้หลายอย่างมากๆ

ระลึกถึงพระคุณของคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น

ละการพึ่งพาผู้อื่น

ละพระเครื่องและเครื่องลางของขลัง

ละการแสวงหาอาหารมื้อเย็นตามร้านอาหาร

ให้อภัยกับผู้อื่นมากขึ้น

นินทาผู้อื่นน้อยลง

เข้าใจอะไรๆ อย่างพิจารณาถึงความถูกต้อง

เชื่อในเรื่องของกรรมยิ่งๆ ขึ้น

ฯลฯ

ขอกราบอนุโมทนา

ในความเมตตาไม่มีประมาณของท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพอย่างสูง



ความคิดเห็น 1    โดย prachern.s  วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ



ความคิดเห็น 2    โดย วิริยะ  วันที่ 13 ส.ค. 2552
ขออนุโมทนากับคุณ Nareopak ด้วยนะคะ แสดงว่า คุณ Nareopak มีเหตุสะสมมาดี

ความคิดเห็น 3    โดย suwit02  วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย h_peijen  วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย pornpaon  วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย ไตรสรณคมน์  วันที่ 13 ส.ค. 2552

" ...ขอเพียงให้ได้มาฟังธรรมและได้พบกัลยาณมิตร... "

^

^

เป็นความหวังมั้ยเอ่ย?

โลภะเค้าไม่ทอดทิ้งเราไปง่ายๆ เลยจริงๆ

ต้องขออนุโมทนาท่าน เจ้าของกระทู้ ด้วยค่ะ........

ที่เห็นคุณเห็นประโยชน์ของพระธรรมค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย Sam  วันที่ 13 ส.ค. 2552

จะคาดหวังหรือไม่คาดหวัง ในเรื่องใด หรือไม่ ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้ครับ


ความคิดเห็น 8    โดย kulwilai  วันที่ 13 ส.ค. 2552

ชีวิตประจำวันจึงเป็นเครื่องส่องผลของการฟังพระธรรม

จนกว่าจะเห็นความเป็นธัมมะตามความเป็นจริง


ความคิดเห็น 9    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย Pongpat  วันที่ 13 ส.ค. 2552
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 11    โดย orawan.c  วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 12    โดย arin  วันที่ 13 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย วันใหม่  วันที่ 13 ส.ค. 2552

เมื่อมีเหตุปัจจัย ความหวังก็เกิดขึ้นหรือจะไม่หวังก็ตามก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรม แต่ที่สำคัญคือต้องเริ่มจากเหตุที่ถูกคือความเห็นถูก การจะบรรลุธรรม ต้องเริ่มจากความเข้าใจถูก จะหวังหรือไม่หวังก็ตามหากเหตุถูกคือเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจอย่างถูกต้องว่าธรรมคืออะไร จะหวังหรือไม่หวังก็บรรลุธรรมเพราะเหตุถูก แต่หากเข้าใจผิด เข้าใจหนทางผิด จะหวังหรือไม่หวังก็ตามก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จึงต้องกลับมาที่เหตุ คือความเข้าใจถูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่แสดงว่าหวังหรือไม่หวัง หากเหตุผิดก็ไม่สามารถบรรลุธรรม สาธุ

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒-หน้าที่ 103

[๔๑๑] ดูก่อนภูมิชะ เปรียบเหมือนบุรุษต้องการนมสด แสวงหานมสด จึงเที่ยวเสาะหานมสด แต่รีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน ถ้าแม้ทำความหวังแล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วรีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด นั่นเพราะเหตุไร ดูก่อนภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะได้นมสดโดยวิธีไม่แยบคาย ฉันใด ดูก่อนภูมิชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่งที่มีทิฏฐิผิด ฯลฯ มีสมาธิผิด (เข้าใจหนทางผิด) ถ้าแม้ทำความหวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำทั้งความหวังและความไม่หวังแล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล ถ้าแม้ทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผล นั่นเพราะเหตุไร ดูก่อนภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายไม่แยบคาย.


ความคิดเห็น 14    โดย suwit02  วันที่ 13 ส.ค. 2552

อ้างอิงความเห็นที่ 13

เขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายไม่แยบคาย.

สาธุ


ความคิดเห็น 15    โดย Nareopak  วันที่ 13 ส.ค. 2552
ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ...สำหรับทุกความคิดเห็นขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะสำหรับ ความคิดเห็นที่ 13 ที่ท่านเมตตานำพระสุตตันตปิฏกฯ มาให้อ่าน..ทำให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนเลยค่ะ (มีกำลังใจขึ้น) ขออนุโมทนาในกุศลจิตของกัลยาณมิตรทุกๆ ท่านค่ะ

ความคิดเห็น 16    โดย khampan.a  วันที่ 13 ส.ค. 2552


ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวันย่อมเป็นโอกาสที่ดี และหาได้ยากอย่างยิ่ง และที่สำคัญ ถ้าหากว่าไม่ได้ฟัง ไม่ได้-ศึกษาเลย การที่จะละกิเลส หรือ สามารถออกจากสังสารวัฏฏ์ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ดังนั้น ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาไป สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ เข้าใจตามกำลังปัญญาของตนเอง และเป็นที่แน่นอนว่าบุคคลผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่โดยเฉพาะตัณหา และอวิชชา ยังต้องมีการเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอย่างแน่นอน แต่...สำหรับผู้ที่มีการสะสมปัญญา ถึงแม้ว่าจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรค แล้ว ไม่เกิดอีกนั่นเอง ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 17    โดย noynoi  วันที่ 14 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 18    โดย parithat  วันที่ 14 ส.ค. 2552

เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้นะครับ เราห้ามความคิดไม่ได้ แม้กุศลหรืออกุศล แต่สิ่งที่ควรเสพก็คือ กุศล เสพให้มากๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วก็มีปัญญาด้วย ท่านอาจารย์สุจินต์เป็นผู้ที่ถือว่าเป็นปูชนียบุคคลผมชอบถามท่านมากๆ ท่านดีจริงๆ ครับ


ความคิดเห็น 19    โดย captpok  วันที่ 14 ส.ค. 2552
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 20    โดย wannee.s  วันที่ 14 ส.ค. 2552

จุดประสงค์ของการศึกษาธรรม เพื่อน้อมนำมาประพฤติตามพระธรรมคำสอน ยิ่งเข้าใจ

ยิ่งเจริญกุศลทุกอย่าง และรู้ว่าไม่มีอะไรประเสริฐเท่ากับการสะสมความดีและปัญญาค่ะ


ความคิดเห็น 21    โดย dron  วันที่ 14 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 22    โดย wanchai2504  วันที่ 14 ส.ค. 2552
"...ชีวิตประจำวันจึงเป็นเครื่องส่องผลของการฟังพระธรรม จนกว่าจะเห็นความเป็น

ธัมมะตามความเป็นจริง..." ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 23    โดย คุณ  วันที่ 15 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ