การได้มาฟังพระธรรมทีมูลนิธิ ในครั้งแรกของท่านนั้น
1. เป็นผลของการสะสมบุญบารมี ที่เคยได้ยินได้ฟังพระธรรมมาก่อน ในอดีตชาติ ส่งผลให้ในชาตินี้ ได้มีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมเพื่อความเห็นถูกอีกครั้งหนึ่ง
2. ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่มีเหตุ ให้ได้มาที่มูลนิธิฯ เช่นบางท่านมีเพื่อน หรือญาติแนะนำ ได้ฟังรายการแนวทางเจริญวิปัสสนาทางวิทยุ อ่านจากหนังสือของมูลนิธิฯหรือเปิดอินเตอร์เนท
การมาของแต่ละท่านจะแตกต่างกัน บางท่านได้ยินคำเชิญชวนมานานจากคนสนิทนานมากจึงมา บางท่านใช้เวลาพอสมควร บางท่านพอรู้ก็มาเลยและ มีมากเช่นกันทีแม้จะอยู่ในบ้านเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่มาเลย
3. ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะการทีจะมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมจากผู้มีความรู้แตกฉานในพระไตรปิฏก นั้นแสนยาก
ซึ่งมีความยากที่จะยกตัวอย่างอีกได้แก่
- ยากแท้ที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ คือเป็นผู้มีจิตใจกล้าแข็ง มีความเข้าใจในเหตุอันสมควรและไม่สมควร
- ยากแท้ที่จะมาเกิดในมงคลจักรวาล คือ มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ในความจริง
- ยากแท้ทีจะมาเกิดในชมพูทวีป คือ เป็นทวีปที่คนที่มาเกิด มีจิตใจกล้าแข็งในการบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย และประพฤติพรหมจรรย์คือบวชได้
- ยากแท้ที่จะมาเกิดในประเทศที่มีพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
- ยากแท้ที่จะมาได้ยินคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จากผู้แตกฉานในพระไตรปิฏก ที่แสดงได้ตรง มั่นคง สอดคล้องกัน
ความยากดังกล่าวบัดนี้ ก็ปรากฏเป็นผลที่ท่านได้รับแล้ว ท่านได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ในมงคลจักรวาล ในชมพูทวีป ในประเทศไทย ได้มาฟังพระธรรมคำสอนจากท่านผู้เข้าใจแตกฉานแล้วนั้น บอกถึงการสะสมบุญบารมีมาก่อนที่จะได้เจริญความเห็นถูกเข้าใจถูกในพระธรรมคำสอน
แต่สิ่งที่จะยากต่อไปสำหรับท่านก็คือ
- ยากแท้ที่จะเข้าใจธรรมะ จากที่ได้ยินได้ฟังจากการแสดงของผู้แตกฉานเหล่านี้ ซึ่งความเข้าใจนี้ บางท่านก็เข้าใจง่าย หรือนานพอสมควรจึงเข้าใจ หรือนานมากๆ จึงเข้าใจ และนานมากๆ แล้วก็เข้าใจเพียงเล็กน้อย หรือไม่เข้าเลย นั่นเป็นเพราะเหตุที่เคยสะสมอบรมความเห็นถูกเข้าใจถูกมา แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม การฟังธรรมะ จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจ ในสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน
เปลี่ยนจาก
ไม่เคยได้ยิน เป็น ได้ยินได้ฟัง เรื่องราวของธรรมะจริงๆ ไม่ใช่เรื่องอื่นๆ
จากที่ไม่เข้าใจ เป็น เข้าใจเล็กน้อย ค่อยๆ ละความไม่รู้
จากที่เข้าใจเล็กน้อย เป็น เข้าใจมากขึ้น ค่อยๆ ละความสงสัย
4. การมาฟังพระธรรมที่มูลนิธิฯ ขณะที่ฟังพระธรรมนั้น ท่านกำลังอยู่ในการเจริญกุศลได้แก่
- ทาน คือมีจิตใจพร้อมช่วยเหลือ แบ่งปัน ทั้งสิ่งของและน้ำใจ พร้อมจะเป็นผู้ให้โดยง่าย
- ศีลคือมีการสำรวมระวัง ทั้งกาย วาจาและจิตใจ ไม่คิดร้าย ทำร้ายใคร
- ภาวนาคือมีการไตร่ตรอง พิจารณาสภาพธรรมที่เกิดปรากฏ ตามที่ได้ยินได้ฟังจากการแสดงธรรมของท่านอาจารย์และวิทยากร
เท่ากับว่าท่านได้เจริญมหากุศล เป็นการบำเพ็ญบุญกุศลอันประเสริฐ โดยไม่ต้องมีพิธีการใดๆ ให้ยุ่งยาก ไม่ต้องกำหนดว่าต้องทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น ใส่ชุดอะไร ปฏิบัติอย่างไร บริจาคอะไร จำนวนเท่าใด กี่วัน
เพราะฉะนั้น หากเห็นประโยชน์ของการศึกษา ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนเห็นในความยากเย็นที่จะได้มาฟังพระธรรม ก็ควรจะมีการฟังพระธรรมในครั้งต่อๆ ไปอันจะนำไปสู่การละคลายความไม่รู้ มีความเข้าใจธรรมะมากขึ้นๆ ก็จะสิ่งที่ประเสริฐที่สุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์และคณะวิทยากรทุกท่าน
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของผู้มาใหม่ทกท่าน
ที่จะได้มีความเห็นถูก เข้าใจถูกยิ่งๆ ขึ้นไป
การที่เราสนใจธรรมะก็เป็นเครื่องวัดว่าเคยสั่งสมบุญมาแล้วในอดีต จึงเป็นเหตุปัจจัยให้
ได้ยินได้ฟังธรรมะอีก ชีวิตที่มีประโยชน์คือเจริญสติปัฏฐานเพื่อขัดเกลากิเลสเพื่อละค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
00099 อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการนี้
คือผู้ฟังย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๑ย่อมเข้าใจชัดสิ่งที่ได้ฟังแล้ว ๑
ย่อมบรรเทาความสงสัยเสียได้ ๑
ย่อมทำความเห็นให้ตรง ๑จิตของผู้ฟังย่อมเลื่อมใส ๑
ธรรมเตือนใจวันที่ : 26-10-2547
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ