ขอเชิญอ่านข้อความจากพระไตรปิฎกและอรรถกถา ท่านจำแนกอาสวะ และการจะละ
ได้ต้องอาศัยปัญญาขั้นโลกุตรครับ
พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 410
อาสวโคจฉกะ [๗๐๘] ธรรมเป็นอาสวะ เป็นไฉน ? อาสวะ ๔ คือ กามาสวะ ภวาสวะ ทิฏอาสวะ อวิชชาสวะ. [๗๐๙] บรรดาอาสวะ ๔ นั้น กามาสวะ เป็นไฉน ? ความพอใจคือความใคร่ ความกำหนัด คือความใคร่ ความเพลิดเพลินคือความใคร่ ตัณหาคือความใคร่ สิเนหาคือความใคร่ ความเร่าร้อนคือความใคร่ ความสยบคือความใคร่ ความหมกมุ่นคือความใคร่ ในกามทั้งหลาย อันใด นี้เรียกว่า กามาสวะ. [๗๑๐] ภวาสวะ เป็นไฉน ? ความพอใจในภพ ความกำหนัดในภพ ความเพลิดเพลินในภพ สิเน-หาในภพ ความเร่าร้อนในภพ ความสยบในภพ ความหมกมุ่นในภพ ในภพทั้งหลาย อันใด นี้เรียกว่า ภวาสวะ. [๗๑๑] ทิฏฐาสวะ เป็นไฉน ? ความเห็นว่า โลกเที่ยงก็ดี ว่าโลกไม่เที่ยงก็ดี ว่าโลกมีที่สุดก็ดี ว่าโลกไม่มีที่สุดก็ดี ว่าชีพอันนั้น สรีระก็อันนั้นก็ดี ว่าชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่นก็ดี ว่าสัตว์ยังเป็นอยู่เบื้องหน้าแต่มรณะก็ดี ว่าสัตว์ไม่เป็นอยู่เบื้องหน้าแต่มรณะก็ดี ว่าสัตว์เป็นอยู่ก็มี ไม่เป็นอยู่ก็มีเบื้องหน้าแต่มรณะก็ดี ว่าสัตว์ยังเป็นอยู่ก็ไม่ใช่ ไม่เป็นอยู่ก็ไม่ใช่เบื้องหน้าแต่มรณะก็ดี ทิฏฐิ ความเห็นไปข้างทิฏฐิ ป่าชัฏคือทิฏฐิ กันดารคือทิฏฐิ ความเห็นเป็นข้าศึกต่อสัมมาทิฏฐิความผันแปรแห่งทิฏฐิ สัญโญชน์คือทิฏฐิ ความยึดถือ ความยึดมั่น ความตั้งมั่น ความถือผิด ทางชั่ว ทางผิด ภาวะที่ผิด ลัทธิเป็นบ่อเกิดแห่งความพินาศการถือโดยวิปลาสมีลักษณะเช่นว่านี้ อันใด นี้เรียกว่า ทิฏฐาสวะ. มิจฉาทิฏฐิ แม้ทั้งหมด จัดเป็นทิฏฐาสวะ. [๗๑๒] อวิชชาสวะ เป็นไฉน ? ความไม่รู้ในทุกข์ ความไม่รู้ในทุกขสมุทัย ความไม่รู้ในทุกขนิโรธความไม่รู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ความไม่รู้ในส่วนอดีต ความไม่รู้ในส่วนอนาคต ความไม่รู้ทั้งในส่วนอดีตและส่วนอนาคต ความไม่รู้ในปฏิจจสมุปปาท-ธรรมว่า เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัยธรรมนี้จึงเกิดขึ้น ความไม่รู้ ความไม่เห็นความไม่ตรัสรู้ ความไม่รู้โดยสมควร ความไม่รู้ตามเป็นจริง ความไม่แทงตลอด ความไม่ถือเอาให้ถูกต้อง ความไม่หยั่งลงโดยรอบคอบ ความไม่พินิจความไม่พิจารณา การไม่กระทำให้ประจักษ์ ความทรามปัญญา ความโง่เขลาความไม่รู้ชัด ความหลง ความลุ่มหลง ความหลงใหล อวิชชา โอฆะคืออวิชชา โยคะคืออวิชชา อนุสัยคืออวิชชา ปุริยุฏฐานคืออวิชชา ลิ่มคืออวิชชาอกุศลมูลคือโมหะ มีลักษณะเช่นว่านี้ อันใด นี้เรียกว่า อวิชชาสวะ.
ก็อาสวะเหล่านี้ ควรนำมาตามลำดับกิเลสบ้าง ตามลำดับแห่งมรรคบ้าง ว่าโดยลำดับแห่งกิเลส อนาคามิมรรคย่อมละกามาสวะ อรหัตตมรรคย่อมละภวาสวะ โสดาปัตติมรรคย่อมละทิฏฐาสวะ อรหัตตมรรคย่อมละอวิชชา-สวะ. ว่าโดยลำดับแห่งมรรค โสดาปัตติมรรคละทิฏฐาสวะ อนาคามิมรรคละกามาสวะ อรหัตตมรรคละภวาสวะและอวิชชาสวะ ดังนี้.
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ อาสวกิเลส
อาสวะคือกิเลสเป็นเครื่องหมักดอง ทำให้สัตว์วนเวียนอยู่ในวัฏฏ์ค่ะ จะละอาสวะได้ต่อเมื่อ
บรรลุเป็นพระอรหันต์ค่ะ ขั้นแรกอบรมปัญญาด้วยการฟังธรรมให้เข้าใจ และเจริญสติปัฏฐาน
วันหนึ่งก็สิ้นอาสวะกิเลสได้ค่ะ ถ้าเหตุปัจจัยพร้อมค่ะ
ขออนุโมทนาครับ