กรรมมีจริงคือเจตนาเจตสิก ควรเข้าใจว่าปัญญาที่เข้าใจว่ากรรมเป็นธรรมไม่ใช่เรา
ยังไม่ใช่ปัญญาที่สามารถดับกิเลสได้ จึงยังมีเหตุปัจจัยให้เกิดในภพภูมิต่างๆ ที่สำคัญ
หากเริ่มจากความเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ย่อมเป็นหนทางในการดับกิเลสและไม่
เกิดอีกได้ ดังนั้นประเด็นจึงอยู่ที่ว่าเข้าใจถูกเบื้องต้นจนมั่นคงหรือไม่ว่าทุกอย่างเป็น
ธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ อนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่...
อโหสิกรรม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตของแต่ละบุคคลที่ดำเนินไปในแต่ละขณะนั้น เป็นความจริง เป็นสัจจธรรม
บางขณะเป็นการกระทำเหตุที่ดี คือ กุศล บางขณะเป็นการกระทำเหตุที่ไม่ดี คือ อกุศลตามการสะสม ขณะที่กระทำเหตุที่ดี และ ไม่ดีนั้น เป็นกรรม กรรมมีจริง เพราะโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ เจตนาเจตสิก ซึ่งเป็นความจงใจ ตั้งใจที่จะกระทำกรรมทางกายทางวาจาและทางใจ (นอกจากนั้นแล้วบางขณะของชีวิตเป็นผลของกุศลกรรม และบางขณะเป็นผลของอกุศล ด้วย ไม่มีใครทำให้เลย)
ในอดีตชาติอันยาวนานนับไม่ถ้วน เราได้กระทำทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดีไว้มากการที่กรรมใดจะให้ผลนั้น เราไม่อาจเลือกได้ ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาได้ ดังนั้น
ความเข้าใจเรื่องกรรมและผลของกรรม ย่อมเป็นเครื่องเพิ่มพูนวิริยะความเพียร ที่จะทำให้ได้สะสมกรรมดี ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เพื่อละกิเลสอกุศลที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะบรรลุถึงซึ่งความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด (หนทางเดียวเท่านั้น คือ อบรมเจริญปัญญา) ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึงที่ระลึกถึง บาปกรรมอย่ามีแก่ข้าพเจ้า
และท่านทั้งหลายเลย
ขออนุโมทนาครับ
บาปกรรมอย่ามีแก่ข้าพเจ้าและท่านทั้งหลายเลย
เท่าที่ศึกษามา...ขอเช่นนั้นไม่มีผลถ้ามีผลจะขอให้ตนเองมั่งแต่ขออนุโมทนาในเมตตาจิตคะเชิญคลิกอ่าน...กรรมยุติธรรมเสมอ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับก็พูดจาประสาโลก สื่อความรู้สึกที่มีต่อท่านผู้เจริญ เหมือนกราบไหว้อยู่เป็นนิตย์ เป็นกุศลจิตที่มีต่อท่าน รวมทั้งท่าน JANYAPINPARD ด้วย
เหตุย่อมสมควรแก่ผลเสมอ
กุศลเหตุย่อมได้ผล...ได้เห็น ได้ยิน....กับอารมณ์ที่ดี
อกุศลเหตุย่อมได้ผล...ได้เห็น ได้ยิน...กับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ
กิเลสที่ได้สะสมมาเนิ่นนานเป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรม
การอบรมเจริญปัญญาเท่านั้นที่จะดับบาป อกุศลกรรม