[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 733
เถราปทาน
จิตกปูชกวรรคที่ ๓๐
จิตกปูชกเถราปทานที่ ๑ (๒๙๑)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้ต่างๆ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 733
จิตกปูชกวรรคที่ ๓๐
จิตกปูชกเถราปทานที่ ๑ (๒๙๑)
ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้ต่างๆ
[๒๙๓] ในกาลนั้น เราเป็นพราหมณ์ มีนามชื่อว่า อชิตะ เราประสงค์จะทำการบูชา จึงรวบรวมดอกไม้ต่างๆ ไว้.
เราได้เห็นจิตกาธารของพระพุทธเจ้า พระนามว่า สิขี ผู้ เป็นเผ่าพันธุ์ของโลกอันรุ่งเรืองอยู่ จึงนำเอาดอกไม้นั้นมา บูชาที่จิตกาธาร.
ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ เราได้บูชาด้วยดอกไม้ใด ด้วยการ บูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชา.
ในกัปที่ ๒๗ แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิจอมมนุษย์ ๗ ครั้ง ทรงพระนามว่า สุปัชชลิตะ มีพละมาก.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระจิตกปูชกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล.
จบจิตกปูชกเถราปทาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 734
จิตกปูชกวรรคที่ ๓๐
๒๙๑. อรรถกถาจิตกปูชกเถราปทาน
พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๑ วรรคที่ ๓๐ ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อาหุตึ ยิฏฺกาโมหํ ความว่า เรามีความประสงค์จะทำ การบูชาสักการะ. บทว่า นานาปปฺผํ สมานยึ ความว่า เราได้นำเอาดอกไม้ เช่นดอกจำปาและดอกช้างน้าวเป็นต้นต่างๆ หลายชนิดมารวมไว้เป็นอย่าง ดี คือทำเป็นกอง.
บทว่า สิขิโน โลกพนฺธุโน ความว่า เราได้เห็นจิตกาธารอันมี กองฟืนรุ่งเรืองลุกโพลง ของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า สิขี ผู้เป็น เผ่าพันธุ์ คือเป็นญาติของชาวโลกทั้ง ๓ ทั้งหมดแล้วจึงได้นำเอาดอกไม้ นั้นมาทำการบูชาที่จิตกาธารแล.
จบอรรถกถาจิตกปูชกเถราปทาน