ท่านที่มีสมบัติ ท่านหาที่เก็บสมบัติอย่างปลอดภัยที่สุด ใช่ไหมคะว่า สมบัติของท่านเก็บไว้อย่างไร ถึงจะปลอดภัยที่สุด แต่ว่าไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยเท่ากับที่ที่เก็บกรรม ปลอดภัยที่สุด เพราะเก็บอยู่ที่จิตทุกๆ ดวง ใครจะเอาไปไม่ได้เลยค่ะ ลมไม่กระทบสัมผัส แดดก็ไม่แผดเผา ไม่มีที่ไหนที่จะปลอดภัยที่จะเก็บสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้เท่ากับที่เก็บของกรรม น่ากลัวไหมคะ หรือว่าดีใจที่มีที่เก็บที่ปลอดภัยมาก อกุศลกรรมทั้งหมดที่ได้กระทำแล้ว ไม่มีทางที่จะหายสูญไปได้ หรือว่ากุศลกรรมก็เช่นเดียวกัน เก็บไว้อย่างปลอดภัยที่สุดในจิตทุกๆ ขณะ แต่ละขณะ
จากการบรรยายแนวทางวิปัสสนา ครั้งที่ ๑๒๗๐
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครทำอะไรให้ เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติม.....
กรรมยุติธรรมที่สุดในการให้ผล
ขออนุโมทนาค่ะ
ไม่ว่าท่านจะทำกรรมอะไรมา กุศลกรรม หรือ อกุศลกรรม ก็จะสั่งสมอยู่ในจิตขณะต่อไป ซึ่งเป็นที่เก็บกรรมที่ปลอดภัยที่สุดไม่มีวันสูญหายไปได้ เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมก็จะส่งผลทันทีไม่ว่าจะหนีไปซ่อนที่ใดก็ตาม ในถ้ำ ใต้น้ำหรือบนอากาศก็หนีไม่พ้นกรรมที่ได้กระทำมาแล้วได้ค่ะ
ดั่งคำอธิบาย คำว่า " จิต " ในอัฎฐสาลินี จิตตุปปาทกัณฑ์ ชื่อว่า " จิต " เพราะเป็นธรรมชาติอันกรรมกิเลสสั่งสมวิปาก
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่.........
เข้าใจให้ชัดเจนในเรื่องกรรมและผลของกรรมคืออะไร
ขออนุโมทนาค่ะ
เรื่อง สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน
[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ ๗๔๖
ข้อความบางตอนจาก สติปัฏฐานสูตร
เมื่อพระโยคาวจร พิจารณาเห็นว่าคน และคนอื่นมีกรรมเป็นของตนอย่างนี้ว่า เจ้าโกรธเขาแล้ว จักทำอะไรได้ เจ้าจักสามารถทำคุณธรรมมีศีลเป็นต้น ของเขาให้พินาศได้หรือเจ้ามาตามกรรมของตนแล้ว ก็จักไปตามกรรมของตนนั่นเอง มิใช่หรือ? ชื่อว่า การโกรธคนอื่นเป็นเหมือนกับการที่บุคคลประสงค์จะคว้าเอาเถ้าที่ปราศจากเปลว หลาวเหล็กที่ร้อนและคูถเป็นต้น ขว้างปาบุคคลอื่น ถึงเขาโกรธเจ้าแล้วก็จักทำอะไรให้ได้เขาจักสามารถให้คุณธรรมมีศีลเป็นต้น ของเจ้าพินาศได้หรือ? เขามาตามกรรมของตน ก็จักไปตามกรรมของตนเหมือนกัน ความโกรธนั้นก็จักตกรดหัวเขานั่นแหละ เหมือนของที่ส่งไป ไม่มีใครรับ (ก็จะกลับมาหาผู้ส่ง) และเหมือนกำฝุ่นที่ซัดไป ทวนลม (ก็จะปลิวกลับมาถูกผู้ขว้าง) ฉะนั้นบ้าง พิจารณาเห็นว่า ทั้งคนทั้งคนอื่น มีกรรมเป็นของตนและดำรงอยู่ในการพิจารณาบ้าง คบหากัลยาณมิตรผู้ยินดีในเมตตาภาวนาเช่นพระอัสสคุตตเถระบ้าง, พยาบาทอันเธอย่อมละได้
ขออนุโมทนาค่ะ
"จะเก็บสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้เท่ากับที่เก็บของกรรม น่ากลัวไหมคะ"
น่ากลัวค่ะ
เพราะชีวิตเก็บอกุศลมากกว่ากุศล
แต่... ไม่กลัวค่ะ
เพราะรู้ว่า... ชีวิตก็เป็นเช่นนี้เอง (ธรรมะ)
สาธุ
เมื่อรู้ว่ามีที่เก็บที่ปลอดภัยที่สุด ก็ยังดีกว่าที่ไม่มีที่เก็บเลย ที่นี้เราก็เลื่อกเก็บแต่สิ่งดีๆ สิ่งที่ไม่ดีเป็นอกุศลได้เก็บมานานแสนนานแล้ว ต้องเลิกเก็บได้แล้ว เก็บแค่นี้พอแล้ว ต่อแต่นี้ไปเก็บแต่สิ่งดีๆ พระพุทธเจ้าฝากไว้เป็นที่พึ่งคือ สติปัฏฐาน ๔ ต้องเจริญให้เป็น อนูปนิสยะ ถ้าเริ่มเก็บตอนนี้ก็จะได้อานิสงค์ทันที ที่ไม่ต้องรับอกุศลวิบากเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือ กุศลวิบาก ครับ
หลังเห็น หลังได้ยิน หลังได้กลิ่น หลังลิ้มรส หลังรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส
โลภะเกิด ดับไป โลภะก็สะสมเก็บไว้ในจิต โทสะเกิด ดับไปโทสะก็สะสมเก็บไว้ในจิต โมหะเกิด ดับไป โมหะก็สะสมเก็บไว้ในจิต กุศลเกิดดับไป กุศลก็สะสมเก็บไว้ในจิต
จิตของปุถุชนก็เป็นเหมือนกับตะกร้าของคนบ้า ที่ไม่รู้อะไร เจอสิ่งใดก็เก็บเอาๆ แล้วก็ซุกซ่อนไว้อย่างปลอดภัยที่สุด มีทั้งสิ่งที่น่ารังเกียจ น่ากลัว เน่าเหม็น ให้โทษ (อกุศล) และสิ่งที่ดี น่าชื่นชม มีประโยชน์ (กุศล) ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมก็คงจะยากที่รู้ว่า ควรจะเก็บอะไรใส่ตะกร้า (จิต) จึงจะดี และถ้ายังไม่เห็นโทษของอกุศล ก็คงจะยากที่จะมีตัวตนของใครไปเลือกเก็บเอาแต่สิ่งที่ดีได้เพราะเหตุว่า ยังหลงไหลในสิ่งที่ไม่ดีว่าดีอยู่ ยังหลงมัวเมาไปกับสิ่งที่เห็นทางตา เสียงที่ได้ยินทางหู ด้วยอกุศลประการต่างๆ อยู่ กว่าจะสร่างบ้าได้ ต้องอาศัยธรรมโอสถอีกมากครับ
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติม.......
กฏแห่งกรรม และบาป
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เก็บกรรม
ปลอดภัยจริงๆ ค่ะ เพราะไม่ว่าจะอีกกี่ภพกี่ชาติ ก็สามารถตามมาแจกจ่ายให้ผลกับผู้ที่ได้เคยกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้มีการเก็บกรรมนั้นไว้
(แถมไม่เคยรู้ตัวมาตั้งนานว่าเก็บอะไรไว้)
ขออนุโมทนาคุณ kanchana.c
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลเจตนาทุกท่านค่ะ