ขอคำอธิบายเกี่ยวกับ กาม กามภพ รูปภพ และการเข้าถึง ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็จะต้องเข้าใจก่อนครับว่า อายตนะ ซึ่งคำว่า อายตนะ หมายถึง ที่ต่อ บ่อ เกิด ที่ประชุม เหตุ อายตนะภายใน ๖ และอายตนะภายนอก ๖ มีดังนี้
อายตนะภายใน ๖ อายตนะภายนอก ๖
๑. จักขวายตนะ (จักขปสาทรูป)
๒. รูปายตนะ (รูปสี)
๓. โสตายตนะ (โสตปสาทรูป)
๔. สัททายตนะ (รูปเสียง)
๕. ฆานายตนะ (ฆานปสาทรูป)
๖. คันธายนะ (รูปกลิ่น)
๗. ชิวหายตนะ (ชิวหาปสาทรูป)
๘. รสายตนะ (รูปรส)
๙. กายายตนะ (กายปสาทรูป)
๑๐. โผฏฐัพพายตนะ (ดิน ไฟ ลม)
๑๑. มนายตนะ (จิต ๘๙)
๑๒. ธัมมายตนะ (สุขุมรูป ๑๖ เจตสิก ๕๒ นิพพาน)
กามภพ
ความเป็นกาม ความเกิดในกาม หมายถึง การเกิดของกามาวจรจิตและเจตสิก ซึ่งท่องเที่ยวไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ หรือหมายถึง ภพที่เป็นที่ที่ท่องเที่ยวไปของกามาวจรจิต และเจตสิกเป็นส่วนมาก ได้แก่ กามภพ ๑๑ คือ อบาย ๔ มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย) เป็น กาม
ฉะนั้น จิตใดๆ ก็ตามที่เป็นไปในกาม คือ เห็นรูป ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส หรือคิดนึกเรื่องเหล่านี้ โดยสภาวะจิตก็เป็นกามภพ
ถ้าหมายถึง กามโลก ก็มี ๑๑ ภูมิ คือ อบายภูมิ ๔ มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖
รูปภพ โดยสภาวะจิตก็ได้แก่ รูปาวจรจิต ซึ่งเป็นฌาณจิต ตั้งแต่ปฐมฌาณ ทุติยฌาณ ตติยฌาณ จตุตถฌาณ และปัญจมฌาณ
ถ้าหมายถึง รูปพรหมโลก ก็คือ รูปพรหม ๑๖ ภูมิอรูปภพ โดยสภาวะจิตก็ได้แก่ อรูปฌาณจิต คือ อากาสานัญจายตนจิต วิญญาณัญจายตนจิต อากิญจัญญายตนจิต เนวสัญญาจายตนจิต
ถ้าหมายถึง อรูปพรหมโลก ก็คือ อรูปพรหม ๔ ภูมิ ดังนั้น รูปพรหม ที่เป็นรูปภพ มีอายตนะภายในและอายตนะภายนอก ที่เฉพาะ ตา กับ หู แต่ไม่มีจมูก ลิ้น กาย และไม่มีกลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสที่เป็นอายตนะ แต่มีมนายตะ คือ จิต และธัมมายตนะที่เป็นเจตสิก และถ้าเป็นอสัญสัตตาพรหม ก็มีแต่รูปธรรมเท่านั้น ครับ ไม่มีมนายตนะและธัมมายตนะที่เป็นเจตสิกครับ
และจากอธิบายกามภพ แสดงว่า ขณะที่เข้าฌานไม่เป็นไปในกามภพ แต่เป็นรูปภพที่เป็นรูปาวจรจิต ครับ ส่วนรูปพรหมบุคคล ต่างจาก กามบุคคล คือ ปฏิสนธิจิตที่ต่างกัน เพราะรูปพรหม เกิดด้วยรูปาวจรกุศลวิบากที่เป็นผลมาจาก รูปาวจรกุศล แต่กามบุคคลเกิดจากมหากุศลจิต เป็นต้น ครับ
อนุโมทนา
ถ้ารูปภพโดยสภาวะจิต ก็ได้แก่ รูปาวจรจิต ซึ่งเป็นฌาณจิต ตั้งแต่ปฐมฌาณ ทุติยฌาณ ตติยฌาณ จตุตถฌาณ และปัญจมฌาณแล้ว รูปพรหม จะมาฟังธรรม สนทนาธรรมได้อย่างไรครับ ถ้าสภาวะจิตเป็นฌาณจิต จะพูดคุยเจรจาได้อย่างไร
รูปภพ หมายถึง ภพภูมิที่เกิดด้วยที่เป็นรูปพรหมด้วย ไม่ใช่เฉพาะหมายถึงรูปาวจรจิตเท่านั้น เพราะฉะนั้น รูปพรหมมีกามาวจรจิตด้วยคือ เห็น ได้ยิน จึงสามารถฟังธรรม อบรมปัญญาได้ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม ไม่ว่าจะกล่าวถึงในเรื่องใด ก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรม แม้ในนัยที่เป็นอายตนะ ก็เป็นการกล่าวถึง สภาพธรรมที่มีจริงๆ การเกิดเป็นรูปพรหมบุคคล เป็นผลของการอบรมเจริญรูปฌาน เมื่อฌานไม่เสื่อมก่อนจุติ ก็ทำให้เกิดเป็นรูปพรหมบุคคล ในรูปพรหมภูมิ ตามระดับขั้นของฌานที่ที่ท่านได้ ก็มีธรรมเกิดขึ้นเป็นไป มีอายตนะ เพราะยังมีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ ตามควรแก่รูปภูมินั้นๆ
ความเข้าใจก็ต้องเป็นไปตามลำดับขั้นจริงๆ พรหมภูมิ เป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก ขณะนี้แต่ละคนได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในสุคติภูมิ ตราบใดที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ อันเนื่องมาจากยังไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลยนั้น สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ คือ กุศลธรรม ธรรมที่ดีงามประการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง เรื่องพรหมบุคคล เป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก ขณะนี้พวกเราได้เกิดในภูมิมนุษย์ ซึ่งเป็นภูมิที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญกุศลได้ทุกประการ ไม่มีเว้นเลย และยังเป็นยุคที่พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงอยู่จึงเป็นโอกาสที่ดียิ่งในชีวิตที่จะได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไป ไม่ควรละเลยโอกาสที่มีค่าอย่างสูงสุดนี้ ดังข้อความตอนหนึ่งจากอักขณสูตร ดังนี้ ครับ
[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ หน้าที่ ๔๕๔
"พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ในกาลบางครั้งบางคราว การที่พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑ การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑ การแสดงสัทธรรม ๑ ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้ ขณะอย่าล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย"
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
รูปพรหม มีตา และ หู สามารถอบรมปัญญาเจริญสติปัฏฐานและบรรลุธรรมได้ ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนา คะ