นอกจากการฟังพระธรรม การศึกษาพระธรรม ให้เป็นผู้รู้ที่ตรงและถูกเพื่อสะสมปัญญาแล้ว การที่เรามีกิจวัตรประจำวันโดยการสวดมนต์ไหว้พระ
อยากขอคำแนะนำค่ะ ว่าบทสวดมนต์ที่ควรสวดเป็นประจำควรสวดบทใด เพื่อเป็นการระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเพื่อนบางคน เล่าว่าใช้เวลาสวดมนต์ก่อนนอนถึง ๑ ชั่วโมง จำเป็นขนาดนั้นหรือไม่คะ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำว่า ปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา คือ เป็นการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม คือปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งที่สมควรแก่ธรรมนั้น ดังนั้น ขณะที่ให้ทาน รักษาศีล และอบรมภาวนา มี สมถภาวนา และ วิปัสสนา ก็เป็นการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้น ชีวิตประจำวัน กุศลจิตขณะใดที่เกิดขึ้น ก็เป็นการปฏิบัติธรรม โดยไม่มีเราปฏิบัติ แต่เป็นธรรมปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยดี ด้วยกุศลธรรม ซึ่งการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม จึงมีหลายระดับ ตามระดับของกุศลธรรมที่มีหลายระดับ คือ ทาน ศีล ภาวนา ครับ
การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง ขณะที่เข้าใจก็ชื่อว่าปัญญาเกิด เป็นการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมในชีวิตประจำวัน ส่วนในการสวดมนต์ ก็ต้องเป็นผู้ตรงว่าสวดเพื่ออะไร เพราะทุกอย่างสำคัญที่การตั้งจิตไว้ชอบ ถูกต้อง ดังนั้น สวดมนต์ ก็เพื่อระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ได้มีกำหนดกฎเกณฑ์ว่าจะต้องเป็นบทสวดใด และระยะเวลาเท่าไหร่ หากสามารถระลึกถึงคำสอนบทใดที่สามารถทำให้เข้าใจได้ ก็ควรระลึก โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นเวลาก่อนนอน และระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง เพราะ ทำมาก ใช้เวลามาก แต่ไม่เข้าใจ เทียบไม่ได้กับความเข้าใจเกิดขึ้น แต่ใช้เวลาไม่มาก ครับ ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า บุคคลมีอายุร้อยปี แต่ไม่เข้าใจธรรม ผู้มีชีวิตวันเดียว แต่เกิดปัญญา ประเสริฐกว่า ดังนั้น การระลึกถึงคำสอน ไม่จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลานานแล้วจะดี สำคัญที่เข้าใจอะไรไหม ปัญญาเจริญขึ้นหรือไม่ในขณะที่ระลึก ไม่ว่าจะใช้เวลามากหรือน้อยก็ตาม และพระธรรมของพระพุทธเจ้าทุกบท ทุกคำเป็นไปเพื่อสละ ละกิเลส เจริญปัญญา จึงไม่ได้จำกัดว่าควรสวด ระลึกในบทไหน และระยะเวลาเท่าไหร่ และเลือกเวลาว่าก่อนนอน หรือตอนเช้าตรู่ ครับ ที่ถูกต้อง คือ เมื่อเข้าใจธรรมแล้ว แม้ไม่สวดมนต์ แต่ระลึกถึงคำสอนได้บ้างในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเวลาใด พระพุทธองค์แสดงว่า ขณะนั้น ที่ระลึกถึงคำสอน ชื่อว่า นมัสการเราอยู่เสมอ ครับ
ดังนั้นคำใดที่พอเข้าใจได้ สามารถระลึกขึ้นมาได้ ก็เหมาะสม สมควรกับผู้นั้นแล้วครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจในเหตุในผล อกุศลเป็นอกุศล เป็นโทษ กุศลเป็นกุศล ไม่เป็นโทษ ถ้าเข้าใจอย่างนี้แล้วก็น้อมไปที่จะละอกุศล และเจริญกุศลยิ่งขึ้น การประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ก็ตั้งแต่ในขั้นต้นจนถึงขั้นสุดท้าย คือ ปฏิบัติธรรมในขั้นที่ทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ ถ้าไม่เข้าใจแล้ว จะทำให้ปฏิบัติธรรมที่ทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมก็ไม่ได้ เป็นกิจหน้าที่ของธรรมเท่านั้น ไม่มีตัวตนที่ไปปฏิบัติ
ธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น เป็นพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์ ที่เกิดจากการสะสมบำเพ็ญพระบารมีมาเป็นเวลาที่ยาวนาน และเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะเข้าใจ แต่ก็ไม่เหลือวิสัยสำหรับผู้ที่มีความจริงใจตั้งใจที่จะศึกษา ซึ่งจะต้องมีความละเอียดรอบคอบในการศึกษา เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง โดย ไม่ใช่เพียงสวด หรือ ท่อง เท่านั้น จะต้องเป็นผู้มีความเข้าใจด้วยบทสวดมนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมงคลสูตร กรณียเมตตสูตร รัตนสูตร เป็นต้น ล้วนเป็นพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อได้ศึกษาและเข้าใจอย่างถูกต้อง ถ้านำมาสวดหรือท่องเพื่อได้ เพื่อต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด หวังลาภสักการะ ก็เป็นการผิดตั้งแต่ต้น เป็นอกุศลตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ไม่เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน เพราะพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงทั้งหมด นั้น เป็นไปเพื่อละ ไม่ใช่เพื่อความติดข้องต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวด แต่ศึกษาแล้วน้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตาม ย่อมเป็นประโยชน์กว่าอย่างแท้จริง แม้แต่คำว่า "สวด" ซึ่งเป็นคำไทย ก็ยังต้องแปลไทยเป็นไทยอีก เพื่อจะได้สอดคล้องตรงกับความหมายเดิมในภาษาบาลี คือ มาจากคำว่า "สาธยาย [สชฺฌาย]" หมายถึง การกล่าวทบทวน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามพระธรรม เมื่อได้ฟังแล้ว ก็มีการทบทวน ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง เมื่อได้ฟังแล้ว อย่างไรจึงจะไม่ลืม ก็ด้วยการทบทวนไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง
พระธรรม เป็นธรรมอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่พุทธศาสนิกชนจะได้ศึกษา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกเป็นปัญญาของตนเองต่อไป ยิ่งฟังพระธรรม ก็ยิ่งเข้าใจ ยิ่งเห็นพระมหากรุณาคุณของพระองค์ ถ้าพระองค์ไม่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา ไม่มีทางเลยที่สัตว์โลกจะได้เข้าใจความจริง ในฐานะของสาวก
ประโยชน์สูงสุดที่ทุกคนจะพึงได้ คือความเข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏ ถ้าได้ศึกษาพระะธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ด้วยความเคารพด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ ก็จะเข้าใจได้ว่า ไม่มีคำสอนแม้แต่บทเดียวที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้คนเกิดอกุศล เกิดความติดข้องต้องการ เกิดความเห็นผิด หรือให้ไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ มีแต่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อละคลายความเห็นผิดและละคลายความไม่รู้ ตลอดจนอกุศลธรรมทั้งปวง ด้วย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
" บุคคลมีอายุร้อยปี แต่ไม่เข้าใจธรรม ผู้มีชีวิตวันเดียว แต่เกิดปัญญา ประเสริฐกว่า" จึงไม่ได้จำกัดว่าควรสวด ระลึกในบทไหนและระยะเวลาเท่าไหร่ และเลือกเวลาว่าก่อนนอน หรือตอนเช้าตรู่ครับ ที่ถูกต้อง คือ เมื่อเข้าใจธรรมแล้ว แม้ไม่สวดมนต์ แต่ระลึกถึงคำสอนได้บ้างในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเวลาใด พระพุทธองค์แสดงว่า ขณะนั้น ที่ระลึกถึงคำสอน ชื่อว่า นมัสการเราอยู่เสมอ ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ
ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นนะครับ
ถ้าการสวดมนต์นั้นเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส ไม่ใช่สนองกิเลส ... ขณะนั้นจึงจะเป็นกุศล เพราะว่าละอกุศล, ถ้ายังไม่รู้จักว่าอะไรคืออกุศล ก็เจริญกุศลอะไรไม่ได้เลย เพราะไม่ได้ละอกุศลอะไรเลย
ขออนุโมทนากุศลจิตทุกท่านครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยค่ะ
การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ไม่จำเป็นต้องสวดมนต์ก็ได้ ถ้าเข้าใจธรรม เข้าใจจริงๆ ก็น้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยด้วยใจ ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ