คัดสรรจากการบรรยายและสนทนาธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ความรู้ไม่ได้มาจากอื่นเลย รู้ลักษณะของสิ่งซึ่งกำลังปรากฎตามความเป็นจริง นี่คือ หนทางที่จะรู้ความจริง ไม่มีใครต้องทำอะไรเลย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดแล้วปรากฎแล้วทั้งนั้นในขณะนี้ เพียงแต่ว่าสติจะเกิด มีความรู้ความเข้าใจถูกที่ค่อยๆ เข้าใจเพิ่มขึ้นในลักษณะที่ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นลักษณะของสภาพธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จาก....พระพุทธพจน์
ธรรมจักษุ อันปราศจากธุลี ปราศจากมลทินได้เกิดขึ้นแล้ว แก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้น เป็นธรรมดาสิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับไป เป็นธรรมดา.
ผู้ใดไม่มีความยึดถือว่า "ของเรา" ในนามรูปโดยประการทั้งปวงและผู้ใดย่อมไม่เศร้าโศรกเพราะนามรูป "ที่ไม่มีอยู่"ผู้นั้นแล ท่านเรียกว่า ภิกษุ (ภิกษุ คือ ผู้เห็นภัย)
ขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาคะ
สภาพธรรมเกิดขึ้นแล้วดับไป
เพียรระลึกรู้สภาพลักษณะที่กำลังปรากฏเพื่อละความยึดมั่นเห็นผิดว่าเป็นตัวตนสิ่งที่เห็นทางตาทั้งหมดเป็นเพียงสีเมื่อจำความต่างของสีเป็นรูปร่าง ทำให้คิดนึกเป็นวัตถุบุคคลความจริงเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นทางตาเท่านั้นไปหลง รัก ชอบ ติด ยึดมั่นก็เพราะไม่รู้ความจริง สภาพธรรมเพียงเกิดขึ้นปรากฏ แล้วดับไป
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์
ขออนุโมทนาพี่เมตตา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
เพียงฟังด้วยความตั้งใจ และอดทนฟังธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ เป็นหนทางขั้นต้นค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ