เมื่อวานอยู่ที่เชสกี้ครุมลอฟ ตื่นแต่เช้ามืด ด้วยโลภะ อยากจะเห็นเมืองยามพระอาทิตย์ขึ้น ปรากฏว่าหนาวมาก รีบๆ เดินถ่ายภาพ แล้วเดินหนาวสั่นเข้ามาในโรงแรม Belarie ที่ยังมืด แต่อบอุ่น เพราะยังไม่ถึงเวลาแปดโมงเช้า จึงยังไม่เปิดไฟ ช่างประหยัดจริงๆ แต่อาหารเช้าที่เสริฟสำหรับ 2 คนนั้นเต็มโต๊ะ เบลลารี่ เป็นโรงแรมเล็กๆ อยู่ติดกับแม่น้ำ และ ใกล้กับปราสาท มีเพียง 4 ห้อง พวกเราอยู่ก็เต็มหมดแล้ว
ออกเดินทางจากเชสกี้ครุมลอฟตอน 9 โมงเช้า วันนี้ต้องเดินทางไกลที่สุด ประมาณ 5 ชั่วโมง ไปเดรสเดน ประเทศเยอรมัน คนขับรถจึงพาไปกินอาหารเยอรมัน ที่ภัตตาคารข้างทาง และก็นั่งรถยาวไกลชมทิวทัศน์สองข้างทาง ในเขตเชคนั้น เป็นถนนสายเล็กๆ มีป่าไม้สวยงาม ต้นแอปเปิลป่าออกลูกดกเต็มต้น พื้นที่เป็นเนินสูงต่ำ มีทุ่งหญ้าเขียวขจี บางแห่งก็เป็นไร่ข้าวโพดที่ออกฝักแล้ว เห็นเป็นสีน้ำตาล และ รถก็แล่นลอดอุโมงค์เข้าสู่ทางด่วนระหว่างประเทศ เมื่อเข้าสู่ประเทศเยอรมัน ก็มีเพียงธงยูโร และ ธงเยอรมันปักแสดงไว้เท่านั้นเอง ไม่มีด่านตรวจ สะดวกดีจริงๆ
เมื่อเข้าเขตเยอรมัน ถนนหนทางก็ดูกว้างขวางใหญ่โตขึ้น จนเกือบห้าโมงเย็นจึงถึงเดรสเดน เมืองหลวงเก่าของเยอรมัน และเป็นเมืองมรดกโลก เราพักในโรงแรม Aparthotel ที่อยู่ย่านเมืองเก่า มองเห็นยอดวิหาร ยอดปราสาท เดินออกจากโรงแรม ไม่กี่ก้าวก็ถึงลานกว้างใหญ่ที่มีรูปปั้นบุคคลสำคัญมากมาย ล้วนใหญ่โต สมกับความยิ่งใหญ่ของเยอรมันจริงๆ ทำให้ปราสาทในเชคและเชสกี้ครุมลอฟเหมือนเมืองตุ๊กตาไปเลย
เมื่อเข้าโรงแรมที่แต่ละห้องใหญ่โตมากเป็นอพาร์ทเมนต์ มีห้องนอน ห้องรับแขกห้องครัว และ ในห้องน้ำใหญ่ มีเครื่องซักผ้า พร้อมราวตากผ้า สะดวกสำหรับจะพักนานๆ แต่เสียอย่างเดียว และ สำคัญเสียด้วย คือ มี wifi แต่ใช้ไม่ได้ เลยไม่ได้รายงานสดจากเดรสเดน
เมื่อเข้าห้องน้ำแล้ว ก็รีบวิ่งไปดูสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อจะได้ดูเมืองก่อนพระอาทิตย์ตก รู้สึกข่างมีความเพียรจริงๆ ในการแสวงหาอิฏฐารมณ์ ท่านอาจารย์และคุณแก้วตาก็พักอยู่ที่ห้องตามเคย ท่านบอกว่า ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ไม่ค่อยอยากดูอะไร แสดงว่าท่านสะสมความไม่ติดในสิ่งที่ปรากฏทางตามามากแล้ว ผิดกับเราที่เป็นไปตามกระแสของโลกที่ต้องการ "ได้" ตลอดเวลา ได้เห็นสิ่งสวยๆ ทางตา ได้ยินเสียงเพราะๆ มีนักดนตรีเปิดหมวกมาเล่นดนตรีให้ฟังด้วย กลิ่นหอมๆ อาหารอร่อยๆ อากาศที่สบาย ถ้าหนาวไป ก็หาเสื้อมาใส่ ร้อนไป ก็เดินทางไปหาที่เย็นสบาย ยังไม่เข้าถึงคำสั่งสอนของพระพระพุทธศาสนาที่ให้ "ละ" เลยสักขณะเดียว
พระอาทิตย์ตกที่แม่น้ำเอเบ้
เก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินริมแม่น้ำเอเบ้แล้ว ก็เดินไปห้างสรรพสินค้าใหญ่ ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อรับประทานอาหารเย็น และเลือกร้านอาหารจีน ซึ่งมีต้มยำไก่ แกงเผ็ดไก่ ข้าวหน้าเป็ด ข้าวขาหมู สั่งมาเกือบทุกอย่างด้วยความหิว เหลือข้าวสวยเหลือเอาไปทำข้าวไข่เจียวทานในตอนเช้า
คืนนี้หมดแรง รู้สึกเหมือนเป็นไข้หวัด กลับมาถึงโรงแรมอาบน้ำแล้วก็นอนเลย หลับสนิท ตื่นขึ้นมาเมื่อคุณหนูโทรมาเรียกให้ขึ้นไปทานอาหารเช้า รีบร้อนแต่งตัวขึ้นไป พบท่านอาจารย์กำลังเจียวไข่ให้พวกเราอยู่ เป็นบุญหรือบาปนะที่ท่านอาจารย์ต้องมาทำอาหารให้ทาน แต่ถ่ายวิดีโอไว้แบ่งปันด้วย
ท่านอาจารย์ทอดไข่เจียวในห้องครัวของโรงแรม Aparthotel เมืองเดรสเดน
รับประทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ออกไปเดินชมสถานที่สำคัญของเดรสเดน ที่มีมากมาย มีพิพิธภัณฑ์รูปภาพของศิลปินดังทั่วโลก เป็นหมื่นๆ ภาพ พิพิธภัณฑ์อัญญมณีมีค่าที่แสนสวยงามและมากมาย โดยเฉพาะเพชรสีเขียวจากอินเดีย แต่ละแห่งต้องใช้เวลาเป็นวัน แต่เรามองผ่านอย่างรวดเร็ว เพราะเวลาจำกัด เมื่อออกมาข้างนอก ท่านอาจารย์ถามว่า มีใครจำได้บ้างว่า เห็นอะไรบ้าง เห็นแล้วก็ลืม
กำแพงเซรามิคส์ใหญ่ที่สุดในโลกที่เดรสเดน ตอนบ่ายหลังทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารข้างโรงแรม เป็นลานกว้างที่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว กว่าจะได้ทานก็เกือบบ่ายโมง แต่ก็อร่อยสมกับที่คอยนาน ราคาพอๆ กับกรุงเทพ แล้วจึงได้เดินทางไปชมโรงงานทำเครื่องกระเบื้องที่สวยและแพงที่สุดในโลก คือ ไมเซน ที่ห่างจากโรงแรมไป 15 กม. ระหว่างนั่งรถหลับไปตลอดทาง ปฏิบัติหน้าที่ผู้รายงานข่าวที่ไม่สมบูรณ์ ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะเก็บรายละเอียดมาเล่าให้มากที่สุด แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะหลับ จะตื่น จะเห็น จะได้ยิน ก็เพราะกรรมเป็นปัจจัย
เครื่องกระเบื้องของห้างไมเซน ที่มีสัญลักษณ์เป็นดาบไขว้ สวยงามมากจริงๆ อยากจะซื้อมาเป็นของที่ระลึกสัก 1 ชิ้น แค่ถ้วยเล็กๆ สำหรับใส่น้ำปลาพริก ราคาตั้ง 4,000 กว่าบาท เลยได้แต่ถ่ายรูปมาดู และซื้อการ์ดเปล่ามีภาพดอกไม้ป่า วาดแบบสีน้ำ 8 ใบ ราคา 200 บาท แถมยังหยิบแคตตาล็อกที่เขาแจกฟรีมา 1 เล่มด้วย
เครื่องกระเบื้องสวยของไมเซน
กลับจากไมเซน ก่อนถึงโรงแรมแวะที่ศูนย์การค้าเมื่อวาน แวะชมตลาดนัดกลางเมือง ที่เหมือนสวนสนุก คิดว่าจะมีสินค้าพื้นเมืองถูกๆ แต่ผิดหวังมาก เพราะร่มที่มีรูปเทวดาเด็ก 2 ตน ที่ทำตาเจ้าเล่ห์ของราฟาเอล ราคาเป็นพันๆ แพงจนต่อไม่ลง
ลานกว้างข้างโรงแรมในเดรสเดน ออกมาทานอาหารค่ำที่ลานข้างโรงแรม ผู้คนมากมายกว่ากลางวันเสียอีก มีการแสดงกลางแจ้ง มีนักร้องโอเปร่ามาร้องเพลงเพราะๆ โอย ชีวิตช่างเต็มไปด้วยสิ่งรื่นรมย์มากมาย จนเลือกดูเลือกชมไม่หมดสิ้น แต่ก็เลือกกลับมานอนพักผ่อนตามการสะสม ที่มีความสุขในการนอนมากกว่าอย่างอื่น และ เริ่มมีความสุขกับการเข้าใจพระธรรมมากขึ้น
ประเทศในยุโรปช่างมีความวิจิตรงดงามทั้งตึกรามบ้านช่องและเครื่องใช้ต่างๆ มากเลยนะครับ พี่แดงช่างแข็งแรงมากเพิ่งจะมาป่วยในวันท้ายๆ ขณะที่เพื่อนชาวฝรั่งป่วยกันเป็นแถวในวันแรกๆ และขออนุโมทนาพี่แดงด้วยนะครับที่ได้รัปประทานข้าวสวยไข่เจียวฝีมือท่านอาจารย์
ตอนดูภาพและคำบรรยายของพี่แดงก็รู้สึกคล้อยตามในความงดงามต่างๆ ของเมืองเดรสเแดน แต่มาหยุดอยู่ที่คำของท่านอาจารย์นี้ละครับ
"เมื่อออกมาข้างนอก ท่านอาจารย์ถามว่า มีใครจำได้บ้างว่า เห็นอะไรบ้าง เห็นแล้วก็ลืม"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดงในวิริยะกุศลของการส่งข่าว ขออนุโมทนาคณะที่ยุโรป และทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นการบรรยายที่งดงามสละลวย ได้อรรถรส เหมือนได้ไปด้วยเลย
ขออนุโมทนาในความอุสาหะ ทำให้รู้สึกเบิกบานไปด้วยอย่างยิ่งค่ะ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ (เหมือนได้ไปด้วยจริงๆ ครับ)
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ