[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 143
อรรถกถาพกสูตร
ในพกสูตรที่ ๔ มีวินิจฉัยดังตอไปนี้ :-
บทวา ปาปก ทิฏิคต ไดแกสัสสตทิฏฐิที่ต่ําทราม.
บทวา อิท นิจฺจ ความวา พกพรหมกลาวฐานะแหงพรหมพรอมทั้งโอกาสนี้ซึ่งไมเที่ยงวา เที่ยง.
บทวา ธุว เปนตน เปนไวพจนของบทวา นิจฺจ นั้นนั่นแหละ บรรดาบทเหลานั้น บทวา ธุว ไดแกมั่นคง.
บทวา สสฺสต ไดแกมีอยู ทุกเมื่อ.
บทวา เกวล ไดแกไมขาดสายคือทั้งสิ้น.
บทวา อจวนธมฺม ได แกมีความไมจุติเปนสภาวะ. ในคําวา อิท หิ น ชายติ เปนตน ทานกลาว หมายเอาวา ในฐานะนี้ ไมมีผูเกิด ผูแก ผูตาย ผูจุติหรือผูอุปบัติไรๆ บทวา อิโต จ ปนฺ ความวา ชื่อวาอุบายเปนเครื่องออกไปอันยิ่งอยางอื่นจาก ฐานะแหงพรหมพรอมทั้งโอกาสนี้ไมมี. พกพรหมนั้นเกิดสัสสติทิฏฐิอยางแรง ดวยประการแมอยางนี้. ก็แลพกพรหมผูมีทิฏฐิอยางนี้นั้น ยอมปฏิเสธคุณวิเสส ทุกอยางคือ ภูมิฌาน ๓ ชั้นสูง มรรค ๔ ผล ๔ และพระนิพพาน.
ถามวา ก็ทิฏฐินั้นเกิดขึ้นแกพรหมนั้นเมื่อไร.
ตอบวา เมื่อครั้งเขาเกิดในภูมิปฐมฌาน. อาจารยบางพวกกลาววา เกิดในภูมิทุติยฌาน. ในขอนั้นมีอนุปุพพีกถาดังตอไปนี้. ไดยินวา พรหมนี้อุปบัติภายหลัง เมื่อยังไมมีสมัยเกิดพระพุทธเจาก็บวชเปนฤาษี กระทํากสิณบริกรรมและทํา สมาบัติใหเกิด ไมเสื่อมฌานทํากาละแลว บังเกิดในพรหมโลกชั้นเวหัปผลาใน ภูมิจตุตถฌาน. มีอายุอยู ๕๐๐ กัป. เขาดํารงอยูในพรหมโลกชั้นเวหัปผลานั้น ตลอดอายุขัย ชวงเวลาที่เกิดภายหลัง เจริญตติยฌานใหประณีต บังเกิดใน พรหมโลกชั้นสุภกิณหะ มีอายุ๖๔ กัป. พกพรหมนั้นรูกรรมที่ตนทําและสถาน ที่ที่ตนเกิดในปฐมกาลเกิดครั้งแรก เมื่อกาลลวงไปๆ ลืมกรรมและสถานที่ทั้ง ๒ เสีย จึงเกิดสัสสตทิฏฐิ.
บทวา อวิชฺชาคโต ความวา ไปดวยอวิชชาคือประกอบดวยความ ไมรูไมมีญาณ เปนผูมืดดังคนตาบอด.
บทวา ยตฺร หินาม ไดแก โย นาม.
บทวา วกฺขติ แปลวา ยอมกลาว. ก็เพราะประกอบศัพทนิบาตวา ยตฺร คําวา วกฺขติ ก็กลายเปนอนาคตกาลแปลวาจักกลาว เมื่อกลาวอยางนี้แลว พรหมนั้นถูกพระผูมีพระภาคเจาคุกคาม ไดสติ กลัววาพระผูมีภาคเจาทรงเพงเราทุกฝกาว ประสงคจะบีบบังคับเรา เมื่อจะ บอกสหายของตน จึงกลาวคําวา ทฺวาสตฺตติ เปนตน เหมือนโจรถกเฆี่ยน ๒ - ๓ ครั้งในระหวาทางอดกลั้นไมยอมซัดถึงพวกเพื่อน เมื่อถูกเฆี่ยนหนักขึ้น จึงบอกวา คนโนนๆ เปนสหายของเรา ฉะนั้น. ความขอนั้นมีอธิบายดังนี้ ขาแตพระโคดมผูเจริญ พวกขาพระองค ๗๒ คนดวยกันทําบุญไว จึงเกิดใน ที่นี้ดวยบุญกรรมนั้น เปนผูใชอํานาจตนเอง ไมอยูในอํานาจของผูอื่น ทําผ อื่นใหอยูในอํานาจของตน ลวงชาติและชราได. ขาแตพระผูมีพระภาคเจา การ อุปบัติในพรหมโลกเปนครั้งสุดทายนี้ นับวา เวทคู เพราะพวกขาพระองค ไปถึงดวยเวททั้งหลาย.
บทวา อสฺมาภิชปฺปนฺติ ชนา อเนกา ความวา ชนเปนมากยอมชอบใจพวกขาพระองค ยอมปรารถนายอมกระหยิ่มอยางนี้วา ทานพรหมผูนี้แล เปนมหาพรหมผูยิ่งใหญ ไมมีใครครอบงําได เปนผู เห็นถองแท เปนผูใชอํานาจ เปนอิสระ เปนผูสราง เปนผูเนรมิต เปนผู ประเสริฐสุด เปนผูจัด เปนผูเชี่ยวชาญ เปนบิดาของสิ่งที่เปนแลวและกําลัง เปน.
ลําดับนั้น พระผูมีพระภาคเจาตรัสกะพกพรหมนั้นวา อปฺป หิ เอต
เปนตน.
บรรดาบทเหลานั้น บทวา เอต ความวา ทานสําคัญอายุใดของ ทานในที่นี้วา ยืนอายุนั่นนอย คือนิดหนอย.
บทวา สตสหสฺสาน นิรพฺพุทาน ไดแกแสนนิรัพพุทะ โดยจํานวนนิรัพพุทะ (นิรัพพุทะเปนสังขยาซึ่งมีจํานวน เลขสูญ ๖๘ สูญ) .
บทวา อายุ ปชานามิ ความวา เรารูวาอายุของทานในบัด นี้เหลืออยูเพียงเทานี้.
บทวา อนนฺตทสฺสี ภความมสฺมิ ความวา ขาแต พระผูมีพระภาคเจา พระองคตรัสวา เราเปนผูมีปกติเห็นไมมีที่สิ้นสุด ลวง ชาติเปนตนไดแลว.
บทวา กึ เม ปุราณ ความวา ถาพระองคเปนผูมี ปกติเห็นไมมีที่สิ้นสุด เมื่อเปนเชนนั้น ขอพระองคจงตรัสบอกขอนี้แกขา พระองค คืออะไรเปนวัตรเกาของขาพระองค. ศีลนั่นแหละทานเรียกวาศีล วัตร.
บทวา ยมห วิชฺา ความวา พกพรหมกลาววา ขาพระองคควร ทราบขอใดที่พระองคตรัส ขอพระองคจงบอกขอนั้นแกขาพระองค. บัดนี้ พระผูมีพระภาคเจาเมื่อจะตรัสบอกแกพกพรหมนั้น ไดตรัส พระพุทธพจนเปนตนวา ย ตฺว อปาเยสิ ดังนี้. ในขอนั้นมีอธิบายดังนี้ ไดยินวา เมื่อกอน พกพรหมนี้เกิดในเรือนมีตระกูล เห็นโทษในกามทั้งหลาย คิดจักทําชาติชราและมรณะใหสิ้นสุด จึงออกบวชเปนฤาษี ทําสมาบัติ ใหเกิดไดฌานอันเปนบาทแหงอภิญญา ปลูกบรรณศาลาอยูที่ริมฝงแมน้ําคงคา ใหเวลาลวงไปดวยความยินดีในฌาน.
ก็ในครั้งนั้น มีพวกพอคาเกวียนใช เกวียน ๕๐๐ เลม เดินทางผานทะเลทรายเสมอๆ . ก็ในทะเลทรายไมมีใคร สามารถเดินทางกลางวันได เดินไดแตตอนกลางคืน. ครั้งนั้น โคงานที่เทียม แอกเกวียนเลมหนา เมื่อเดินทาง ไดวกกลับมายังทางที่มาแลวเสีย เกวียน ทุกเลมก็วกกลับอยางนั้นเหมือนกัน กวาจะรูไดก็ตอเมื่ออรุณขึ้น. แลในครั้งนั้น พวกพอคาเกวียนจะขามพนทางกันดารได ใชเวลาหนึ่งวัน ฟนและน้ําก็หมดสิ้น ทุกอยาง. ฉะนั้น พวกมนุษยเขาคิดวา คราวนี้พวกเราตายหมด ผูกโคที่ลอ แลวเขาไปนอนที่รมเงาเกวียน.
แมพระดาบสก็ออกจากบรรณศาลาแตเชาตรู นั่งที่ประตูบรรณศาลา แลดูแมน้ําคงคา ไดเห็นแมน้ําคงคาเต็มเปยมดวยหวงน้ําใหญไหลมาเหมือน. แตงแกวมณี ครั้นเห็นแลวจึงคิดวา ในโลกนี้มีเหลาสัตวที่ลําบากเพราะไมมี น้ําที่อรอยเห็นปานนี้หรือหนอ. พระดาบสนั้นเมื่อรําพึงอยูอยางนั้น เห็นหมู เกวียนนั้นในทะเลทราย คิดวา สัตวเหลานี้จงอยาพินาศ จึงอธิษฐานดวย อภิญญาจิตวา ขอทอน้ําใหญจงเซาะขางโนนบางสูขางนี้บาง แลวไหลตรงไปยัง หมูเกวียนในทะเลทราย. พรอมดวยจิตตุบาท น้ําไดไปในที่นั้นเหมือนไปสูเหมือง อันเจริญ พวกมนุษยลุกขึ้นเพราะเสียงน้ํา. เห็นน้ําแลวตางราเริง ยินดี อาบ ดื่ม ใหโคทั้งหลายดื่มน้ําแลว ไดไปถึงที่ที่ตนปรารถนาโดยสวัสดี. พระศาสดา เมื่อทรงแสดงบุรพกรรมของพรหมนั้น ไดตรัสคาถาที่ ๑.
บรรดาบทเหลานั้น บทวา อปาเยสิ ไดแกใหดื่ม. อ อักษรเปนเพียงนิบาต.
บทวา ฆมฺมนิ ไดแกในฤดูรอน.
บทวา สมฺปเรเต ความวา อันความรอนในฤดูรอน ถูกตอง คือติดตาม.
สมัยตอมา ดาบสรางบรรณศาลาที่ริมฝงแมน้ําคงคา อาศัยหมูบาน ใกลปาอยู. ก็สมัยนั้น พวกโจรปลนบานนั้น พาแมโคและเชลยทั้งหลายไป ทั้งโคทั้งสุนัขทั้งมนุษยทั้งหลายรองเสียงดังลั่น. ดาบสไดยินเสียงนั้นรําพึงวา นี่อะไรหนอ ทราบวา พวกมนุษยเกิดภัย คิดวา เมื่อเราเห็นอยู สัตวเหลานั้น จงอยาพินาศ เขาฌานอันเปนบาทแหงอภิญญา ออกจากฌานแลวใชอภิญญาจิต เนรมิตกองทัพ ๔ เหลา ตรงที่สวนทางพวกโจร มาเตรียมพรอมอยู. พวกโจร เห็นแลวคิดวา ชรอยวาพระราชาเสด็จมา จึงทิ้งสิ่งของที่ปลนมาหนีไป. พระดาบสอธิษฐานวา ทุกอยางจงเปนเหมือนเดิม. สิ่งนั้นไดเปนเชนนั้นทีเดียว. มหาชนก็มีความสวัสดี.
พระศาสดาเมื่อจะทรงแสดงบุรพกรรมของพกพรหม นั้นแมนี้ จึงไดตรัสคาถาที่ ๒. บรรดาบทเหลานั้น บทวา เอณิกุลสฺมิ ไดแก ใกลฝงแมน้ําคงคา.
บทวา คยฺหก นียมาน ความวา ถือนําไป. อธิบายวา พาไปเปนเชลย ดังนี้ก็มี.
สมัยตอมา ตระกูลหนึ่งอยูที่แมน้ําคงคาดานเหนือ ผูกสันถวไมตรีกับ ตระกูลซึ่งอยูที่แมน้ําคงคาดานใต ผูกเรือขนานบรรทุกของกินของใชของหอม และดอกไมเปนตนเปนอันมาก มาตามกระแสน้ําคงคา. พวกมนุษย เคี้ยวกิน บริโภค ฟอนรํา ขับรองไดเกิดโสมนัสเปนอันมาก เหมือนไดไปในเทพวิมาน. คังเคยยกนาคราช เห็นเขาก็โกรธ คิดวา มนุษยเหลานี้ไมทําความสําคัญในเรา คราวนี้เราจักใหพวกมันจมทะเลใหได จึงเนรมิตอัตภาพใหญ แยกน้ําเปน ๒ สวน ชูหัวแผพังพานสงเสียงขูสุสุๆ . มหาชนเห็นเขาพากันกลัวสงเสียงดังลั่น. ก็พระดาบสนั่งอยูที่ศาลา ไดยินเขา นึกวามนุษยพวกนี้พากันขับรองฟอนรํา เกิดโสมนัสมา แตบัดนี้รองแสดงความกลัว เหตุอะไรหนอ เห็นนาคราช คิดวา เมื่อเราเห็นอยู ขอพวกสัตวจงอยาพินาศ จึงเขาฌานอันเปนบาทแหงอภิญญา ละอัตภาพเนรมิตเปนเพศครุฑแสดงแกนาคราช. นาคราชกลัวหดพังพาน จมน้ําไป. มหาชนก็มีความสวัสดี.
พระศาสดาเมื่อทรงแสดงบุรพกรรมของพก พรหมแมน จึงกลาวคาถาที่ ๓.
บรรดาบทเหลานั้น บทวา ลุทฺเธน ไดแก ผูรายกาจ.
บทวา มนุสฺสกมฺปา ความวา เพราะความเอ็นดูตอมนุษย อธิบายวา เพราะความประสงคจะปลดเปลื้องพวกมนุษย. สมัยตอมา พกพรหมนั้นบวชเปนฤาษี ไดเปนดาบสชื่อเกสวะ. สมัยนั้น พระโพธิสัตวของพวกเราเปนมาณพชื่อวา กัปปะ เปนศิษยของทาน เกสวะ ปฏิบัติรับใชอาจารย ประพฤติเปนที่ชอบใจ เปนผูถึงพรอมดวยปญญา ไดเปนผูทรงไวซึ่งอรรถะ. เกสวดาบสไมอาจจะอยูแยกกับเธอได. อาศัยเธอ เทานั้นเลี้ยงชีพ. พระศาสดาเมื่อทรงแสดงบุรพกรรมของพกพรหมแมน จึงตรัส คาถาที่ ๔.
บรรดาบทเหลานั้น บทวา ปฏจโร ไดแกอันเตวาสิก. ก็กัปปมาณพนั้นเปนหัวหนาอันเตวาสิก.
บทวา สมฺพุทฺธิวนฺต วติน อมฺึ ความวากัปปมาณพสําคัญเขาวา ทานเกสวะนี้มีปญญาสมบูรณดวยวัตรโดยชอบ จึงแสดงวาโดยสมัยนั้น เรานั้นไดเปนอันเตวาสิกของทาน.
บทวา อฺเป ชานาสิ ความวา มิใชรูเฉพาะอายุของขาพระองคอยางเดียวเทานั้น แมสิ่ง อื่นๆ พระองคก็รู.
บทวา ตถา หิ พุทฺโธ ความวา เพราะพระองคเปน พระพุทธเจา คือเพราะเปนพระพุทธเจา ฉะนั้น พระองคจึงทรงทราบ.
บทวา ตถา หิ ตฺยาย ชลิตานุภาโว ความวา ก็เพราะพระองคเปนพระพุทธเจา อยางนี้ ฉะนั้น พระองคจึงมีอานุภาพรุงเรื่อง.
บทวา โอภาสย ติฏติ ความวา ทําพรหมโลกทั้งปวงใหสวางไสวดํารงอยู.
จบ อรรถกถาพกสูตรที่ ๔
ขอเชิญอ่านพระสูตร ...
พกสูตร วาดวยพระพุทธเจาโปรดพกพรหม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม ...
พกสูตร วาดวยพระพุทธเจาโปรดพกพรหม
พกพรหมชาดก วาดวยศีลและพรตของพกพรหม
ขอเชิญรับฟัง ...
พกพรหมชาดกที่ ๑๐