ขอความกรุณาขยายความที่ว่า โลภะ คือความติดข้อง อุปมาดังลิงติดตัง
โลภะ คือความติดข้อง เปรียบเหมือนลิงที่มีถั่วอยู่ในมือทั้งกำ แล้วทำถั่วเม็ดเดียวหล่นลงมาบนพื้นดิน ก็ทิ้งถั่วทั้งกำ ลงไปหยิบถั่วเม็ดเดียว เปรียบเหมือนพวกเราทิ้งประโยชน์ใหญ่ คือการฟังธรรม แล้วไปดูหนัง ดูละครแทนค่ะ
ในความคิดเห็นของผม
ลิงติดตัง --เปรียบเหมือนกับ บุคคลที่ติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฑัพพะ ด้วย "โลภะ" ที่ พัดพาจิตของบุคคลนั้น ให้ไหลไปติดในกระแสของกิเลส ที่เกิดตามทวารต่างๆ ทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น และกาย
แม้ลิงจะพยายามเขี่ยตังไปด้วยอวัยวะไหน ตังก็ไปติดอวัยวะนั้นอีก เปรียบเหมือนกับเวลาที่โลภะเกิดขึ้นกับบุคคล เพียงรูปที่ผัสสะกระทบ จิตเกิดทางทวารนั้นบ้าง ทวารนี้บ้าง เมื่อรูปนั้นดับไปแล้ว โลภะก็ยังทำให้จิตของบุคคลยินดีพอใจติดข้องในรูปนั้นต่อ ติดไปติดมาทางทวารต่างๆ เนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ไม่พ้นไปจาก ๕ ทวาร (ถึงจะเกิดในอรูปพรหมภูมิ ไม่มีรูปใดๆ เกิด แต่ก็ยังมีโลภะ ถ้ายังไม่บรรลุเป็นพระอริยบุคคล ก็ยังต้องกลับมาติดด้วยโลภะทางทวารทั้ง ๕ นี้ต่อไปอีก)
สุดท้ายลิงก็ถูกพรานแทงลงแล้วยกขึ้นตั้งไว้ให้ไปไหนไม่ได้ เปรียบเหมือนบุคคลถูกความทุกข์จากความไม่สมความปรารถนาในสิ่งที่ต้องการแทงลงที่จิต ถึงครานั้นจะพยายามดิ้นเท่าไร ก็ดิ้นไม่หลุดไปจากความทุกข์ทรมานซึ่งมีเหตุมาจากโลภะได้ ปุถุชนติดในรูปต่างๆ ด้วยโลภ เปรียบเหมือนลิงติดตัง ปัญญาจากการศึกษาพระธรรมเท่านั้นที่จะสามารถประจักษ์แจ้งหนทางที่จะค่อยๆ ดึงตัง (โลภะ) ออก จนท้ายที่สุดพ้นจากการเป็นเหยื่อของพรานตลอดไปด้วย "อรหัตตมรรคจิต" ครับ
ขออนุโมทนา
"อารมณ์อันไม่ใช่ที่โคจร" พระพุทธองค์ทรงตรัสหมายถึง อารมณ์ในกามคุณ ๕ ครับ
ลิงที่ไม่โง่ ไม่เข้าไปสนใจตัง เป็นลิงที่ฉลาด สามารถเอาตัวรอดจากบ่วงมารของพรานได้ เปรียบเหมือนกับบุคคลที่มีปกติเจริญ "สติปัฏฐาน" ย่อมระลึกรู้ได้ถึงกามอารมณ์ที่ปรากฏทางทวารต่างๆ โดยไม่ปล่อยให้จิตไหลไปกับความยินดีพอใจ จนติดในกามอารมณ์นั้นๆ ครับ
ขอเชิญรับฟังข้อความอุปมาในพระไตรปิฎก "ลิงติดตัง"
ใน ซีดีธรรมมะ ชุด จิตปรมัตถ์ แผ่นที่ ๑ ตอนที่ ๔๘ ประมาณช่วงนาทีที่ 20 ครับ
ติดโดยไม่รู้ตัวว่าติด
ทุกวันนี้ยังเป็นผู้มีปกติติดอยู่เลย น่ากลัวจัง!
ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ อย่าไปกลัวเลย แต่มาคอยสังเกตดีกว่าว่าอาการติดข้องเป็นอย่างไร นั่นคือของจริง อยู่กับเขาถ้ามีโอกาสพยายามรู้จักเขาให้ละเอียดให้ชัดเจน วันหนึ่งเขาก็เบื่อหน่ายไม่มาตอแยกับเราต่อไป เพราะเราไม่ให้ความสำคัญกับเขา ไม่เอาใจใส่ปรนเปรอตามใจเขา ผู้มีปัญญาเป็นผู้อาจหาญร่าเริง นี่ไม่ได้หมายความว่าตัวเองหลุดพ้นจากการติดแล้วนะ เพียงแต่จะบอกว่า การรู้จักของจริง (นามธรรมหรือรูปธรรม) ทีละขณะสองขณะ หรือวันละเล็กละน้อยไปเรื่อยๆ จะรู้ว่าสภาพนามธรรมแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะตัว เกิดขึ้นแล้วดับไปไม่มีอะไรเหลือให้เรายึดมั่นถือมั่นได้เลย จริงๆ ธรรมะเป็นของจริงพิสูจน์ได้
ยังเป็นลิงโง่อยู่ค่ะ
ตอนนี้กำลังเข้าโรงเรียนฝึก คงสะสมมามากในการติด รู้ทั้งรู้แต่ก็เพลินไปในหลายครั้ง
ขออนุโมทนานะคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศจิตค่ะ