พระทุกรูบมีฉายาเป็นของตัวเองครับ แต่มีฉายาของพระรูปหนึ่งว่า วิชฺชากโร แปลว่าอะไรหรือครับ รบกวนทีมงานบ้านธัมมะแปลให้ผมทีอยากรู้ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่น ก็จะต้องเข้าใจคำว่า วิชชา ก่อน ครับว่า คืออะไร วิชชา หมายถึง ปัญญา ซึ่งตรงกันข้ามกับ อวิชชา ความไม่รู้ วิชชาแบ่งดังนี้ วิชชา ๓ คือ ปัญญาที่เป็น ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ ประกอบด้วย
๑. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ปัญญาญาณเป็นเหตุระลึกขันธ์ที่อาศัยอยู่ในก่อนได้, ระลึกชาติได้
๒. จุตูปปาตญาณ ปัญญาญาณกำหนดรู้จุติและอุบัติแห่งสัตว์ทั้งหลาย อันเป็นไปตามกรรม, เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ทั้งหลาย
๓. อาสวักขยญาณ ปัญญาญาณหยั่งรู้ในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย, ความรู้ที่ทำให้สิ้นอาสวะ
ซึ่งสำหรับวิชชา ๓ เป็นคุณธรรมของพระอรหันต์ที่อบรมสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาด้วยครับ การเจริญสมถภาวนาอย่างสูงสุดทำให้ได้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ และจุตูปปาตญาณ แต่ยังไม่สามารถดับกิเลสได้ แต่เมื่อเจริญวิปัสสนาภาวนาจนถึงที่สุด ก็สามารถถึงการดับกิเลสได้ ประกอบด้วยปัญญาที่สามารถดับกิเลสได้ เป็นอาสวักขยญาณ ดังนั้นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยวิชชา ๓ จึงต้องเป็นผู้เลิศอย่างมาก เป็นถึงพระอรหันต์ผู้เลิศที่อบรมสมถภาวนาสูงสุดและวิปัสสนาจนดับกิเลสได้ด้วยครับ
วิชฺชากโร ที่ผู้ถาม ถามนั้น กโร คำเดียว หมายถึง กระทำ แต่ ถ้ารวมกับ คำว่า วิชชา เป็น วิชฺชากโร จะหมายถึง คำนาม ที่หมายถึง ผู้มีวิชชา ผู้ที่ได้วิชชา ซึ่งฉายา ที่ว่า วิชฺชากโร จึงหมายถึง ผู้ที่ได้วิชชา แต่ก็แล้วแต่ความหมาย จุดประสงค์ เพราะทุกอย่างก็เป็นเพียงชื่อ ไม่ได้อยู่ที่ฉายา ชื่อ สรรพนามของผู้ใด หากว่าจะเป็นผู้สมควรเป็น ดังนั้น ก็ควรอบรมปัญญา ให้ได้ วิชชา ได้ปัญญา ดังเช่น ฉายา ดังชื่อ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่สมควร และ หากแม้ว่า ไม่ได้ใช้ หรือ มีชื่อว่า วิชชา แต่ เป็นผู้อบรมปัญญา จนดับกิเลสได้ ปัญญาที่รู้ความจริง ที่เป็นพระอรหันต์ ทั้งโดยนัยสมถภาวนา วิปัสสนาภาวนา ก็ชื่อว่า ได้ วิชชา ๓ ตามความเป็นจริง แม้จะใช้ชื่ออะไรก็ตาม ครับ
สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพราหมณ์ ชื่อ อหิงสกะ ที่แปลว่า ผู้ไม่เบียดเบียน พระพุทธเจ้าตรัสว่า หากว่า เธอจะชื่อว่า อหิงสกะ การกระทำของเธอก็ควรจะชื่อว่า อหิงสกะ คือ เธอก็ไม่ควรเบียดเบียนใครทั้งทางกาย วาจา และ ใจ
ขออนุโมทนา อาจารย์คำปั่น ที่อธิบายคำแปลให้เข้าใจ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชื่อมีไว้สำหรับเรียก ว่าคนนี้ชื่อนี้ คนนั้นชื่อนั้น ความจริงที่ควรจะได้พิจารณา คือ จะชื่อ อะไรก็ได้ ไม่สำคัญ เพราะเหตุว่า ชื่อ ก็คือ ชื่อ เป็นบัญญัติสำหรับเรียกกันเท่านั้น ชื่ออาจจะเปลี่ยนได้ แต่เปลี่ยนอุปนิสัยไม่ได้ เปลี่ยนความเป็นบุคคลนี้ ไม่ได้ นอกจากว่าบุคคลนั้น จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญา ความเข้าใจพระธรรมไปตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ จากที่เป็นผู้มากไปด้วยอกุศลประการต่างๆ ก็จะเป็นผู้น้อมไปในกุศลยิ่งขึ้น สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดียิ่งขึ้นได้ ไม่ว่าจะอยู่ในเพศใดก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในเพศไหน ฐานะไหน ไม่สำคัญ เพราะสำคัญที่คุณความดี
การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง ซึ่งเป็นความจริง เป็นสัจจธรรม คนอื่นไม่สามารถจะมาสอนหรือแสดงได้เลย และที่สำคัญ บุคคลผู้ศึกษาจะต้องเป็นผู้มีความมั่นคง มีจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการศึกษา ว่าเพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เพื่อขัดเกลา กิเลสของตนเอง
...ขอบพระคุณ อ. ผเดิม และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
วิชชาทางธรรม คือ ความรู้ เป็นปัญญาที่ทำให้พ้นทุกข์ ค่ะ
ขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ