ทำไมธรรมคือสิ่งที่มีจริง?
โดย wathome8000  5 ส.ค. 2567
หัวข้อหมายเลข 48239

ตามที่เข้าใจว่า ตถาคตแสดงธรรมโดยสายกลาง ไม่เข้าใกล้ส่วนสุดทั้งสองนั้นดังนี้ว่า (สิ่งทั้งปวงมีอยู่ สิ่งทั้งปวงไม่มี) เพราะอวิชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารฯ ... แต่กลับได้ฟังธรรมจากทางมูลนิธิฯ ที่ว่าธรรมคือสิ่งที่มีจริงฯ.. จึงเกิดความคล่องใจในเรื่องนี้ว่า ธรรมคือสัจธรรม แต่หากแปลไทยว่าคือสิ่งที่มีจริง แต่ไม่มีเรา แต่ผมกลับรู้สึกติดขัดในใจ เหมือนเข้าไปยึดถือยังไงชอบกล ทำไมไม่แปลว่า "เป็นความจริง เป็นภาวะเป็นไปเพียงชั่วขณะของมันอย่างนั้นครับ"

ขอความอนุเคราะห์จากทาง อจ. และหรือท่านผู้เชี่ยวชาญธรรมของทางมูลนิธิกรุณาอธิบายให้เกิดความกระจ่างระหว่างศึกษาการเผยแพร่ธรรมของมูลนิธิต่อไปได้สะดวกใจด้วยครับ

กราบขอบพระคุณครับ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 6 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพราะมีจริง เป็นสิ่งที่มีจริง ปฏิเสธไม่ได้ เพราะความจริงเป็นอย่างนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสด้วยคำว่า ธรรม ข้อความใน พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ หน้าที่ ๔๗ ก็มีว่า "โดยอรรถท่านเรียกว่า ธรรม เพราะทรงไว้ซึ่งสภาวะของตน" ความจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ใครๆ ก็เปลี่ยนลักษณะของธรรมไม่ได้ ความเข้าใจถูกต้องตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นกิจหน้าที่ของปัญญา เป็นธรรมฝ่ายดี ไม่ใช่ความยึดติดแต่อย่างใด
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น แสดงถึงความเป็นจริงของธรรม ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา เพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจถึงลักษณะของธรรม ที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สำหรับธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นวิบาก เป็นกิริยา โดยประมวลแล้ว เป็นจิต เจตสิก รูป หรือ เป็นนามธรรม กับ รูปธรรม เมื่อประมวลให้ย่อที่สุดแล้ว คือ เป็นธรรม หรือ เป็นธาตุ เมื่อเป็นธรรม เป็นธาตุ แต่ละอย่างๆ จึงหาความเป็นสัตว์เป็นบุคคลไม่ได้เลย

การศึกษาธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด จุดประสงค์ก็เพื่อเข้าใจธรรม ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ตามความเป็นจริง ถ้าไม่อาศัยการฟัง ไม่อาศัยการศึกษาอย่างต่อเนื่องด้วยความละเอียดรอบคอบแล้ว ย่อมไม่สามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้ ดังนั้น จึงต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม บ่อยๆ เนืองๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้นไปตามลำดับ และที่ฟัง ที่ศึกษา ก็คือ เพื่อเข้าใจธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง ครับ
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
ธรรมคือสิ่งที่มีจริง

... ยินดีในกุศลของคุณ wathome8000 และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...


ความคิดเห็น 2    โดย wathome8000  วันที่ 6 ส.ค. 2567

เรียน คุณkhampan.a

แล้วสิ่งที่มีจริง เที่ยงไหมครับ

กราบขอบพระคุณครับ


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 9 ส.ค. 2567

เรียนความคิดเห็นที่ ๒ ครับ

สิ่งที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ล้วนไม่เที่ยง เพราะเกิดแล้วดับ แต่สิ่งที่มีจริงเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เที่ยง คือ พระนิพพาน เพราะพระนิพพานไม่เกิดไม่ดับ พระนิพพาน จึงเที่ยง เพราะไม่เกิดไม่ดับ ครับ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 9 ส.ค. 2567

ทางสายกลางก คือ เป็นการอบรมเจริญปัญญา

ถ้ามีสายกลางก็ต้องหมายความว่า มีส่วนสุด ๒ ข้าง คือข้างหนึ่งก็เป็นการทรมานตัว อีกข้างหนึ่งก็เป็นการที่เพลิดเพลินไป

เพราะฉะนั้น ทางสายกลางในภาษาไทยที่จะเข้าใจได้ก็คือเป็นการอบรมเจริญปัญญา เพราะว่าหัวใจของพระพุทธศาสนาหรือพระธรรม คือ เพื่อที่จะให้ผู้ฟังเกิดปัญญาของตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเหตุว่าถ้าเราไม่มีปัญญาของเรา แล้วก็ต้องอาศัยคนอื่นอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ แต่ถ้าใครสามารถที่จะทำให้เราเกิดปัญญาของเราเอง จากการฟัง จากการพิจารณาไตร่ตรอง อันนั้นก็จะทำให้ปัญญาของเราเจริญขึ้น

เพราะฉะนั้น ในพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ คำสอนของพระองค์ให้ผู้ฟังเกิดปัญญาที่จะรู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริง ตามที่พระองค์ทรงตรัสรู้ และหนทางก็มี เพราะเหตุว่าขณะนี้ก็มีสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏที่จะต้องเข้าใจ ข้อสำคัญที่สุดคือ ไม่ใช่ไปคิดว่าจะทำ แต่ว่าสภาพธรรมะที่มีในชีวิตประจำวัน ควรที่จะได้เริ่มคิดที่จะเข้าใจให้ถูกต้องว่า แท้ที่จริงแล้วการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่รู้อื่น นอกจากสิ่งที่กำลังมี กำลังปรากฏในขณะนี้ เพราะเหตุว่าถ้ารู้อื่น ไม่ใช่สิ่งที่กำลังมี ไม่ทราบจะให้รู้อะไรที่ไม่มีในขณะนี้

ที่มา ...

ทางสายกลาง


ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 9 ส.ค. 2567

ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงคืออะไร นี่แสดงว่าถ้าไม่ศึกษา ตอบไม่ได้แล้ว หมายความถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง เป็นธรรมที่มีจริง แล้วก็เมื่อใช้คำว่าธรรมแล้ว หมายความว่าทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงทั้งหมด ไม่เว้นเลย คือธรรม แต่ว่าก็ต้องเข้าใจอีกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง ที่เป็นธรรม ใช้คำเพิ่มมาอีกคำ คือ ปรมัตถธรรม นี่แยกแล้ว

เพราะฉะนั้น จะเอาบัญญัติมาเกี่ยวกับปรมัตถธรรมไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงคัมภีร์ อภิธรรมมี ๗ คัมภีร์ จริง แต่ต้องเข้าใจว่า แต่ละคัมภีร์เป็นเรื่องอะไร มิฉะนั้นแล้วก็สับสน เอาบัญญัติมาเป็นปรมัตถ์ แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้ว พระอภิธรรมมี ๗ คัมภีร์ คัมภีร์หนึ่ง เกี่ยวด้วยเรื่องของบัญญัติ เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีปรมัตถธรรม บัญญัติไม่มีแน่นอน

ที่มา ...

ธรรมคืออะไร


ความคิดเห็น 6    โดย wannee.s  วันที่ 7 ก.ย. 2567

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรม ในโลกนี้ย่อแล้วมี 2 อย่าง คือนามธรรมกับรูปธรรมค่ะ