ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา
ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมรับฟังการสนทนาธรรม ที่ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
มีความตอนหนึ่ง ที่ ท่านอาจารย์ กล่าวกับท่านผู้ร่วมสนทนา
ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งใจมาก และ ทำให้ได้มั่นคงขึ้น ในกุศลกรรมทั้งหลาย
อันมีปัญญา ความรู้ถูก ความเข้าใจถูก ซึ่งเป็นยอดของกุศลธรรมทั้งมวล เป็นที่หมาย
ความเข้าใจความจริง จากการได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม ในหนทางที่ถูกต้องนี้
จักเป็นประโยชน์ แก่บุคคล ผู้ได้ศึกษา ก็ต่อเมื่อ มีความมั่นคงขึ้น
เข้าใจขึ้น ในสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน
ดังที่ท่านอาจารย์ เคยกล่าวย้ำเตือนเสมอๆ ว่า
"เป็นแต่ธรรม ไม่ใช่เรา"
และ ธรรม ที่เกิดขึ้น ก็ไม่พ้นไปจาก กุศลธรรม และ อกุศลธรรม
สำหรับปุถุชนเช่นเราๆ ทั้งหลาย ย่อมเต็มไปด้วยอกุศลธรรมประการต่างๆ
เกิดขึ้น เป็นไป ในแต่ละวัน ยับยั้งไม่ได้ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญญาของใคร ทั้งสิ้น
แต่ละคน ย่อมประพฤติเป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย ที่ได้สะสมมา
ตั้งแต่ลืมตาตื่น ล้วนไม่พ้นจากอกุศลธรรมเลย
นอกจากขณะที่เป็นไปใน ทาน ศีล ภาวนา เท่านั้น
ซึ่งทุกท่านย่อมทราบได้ด้วยตนเอง
ว่าสิ่งใด มีมาก หรือ มีน้อย กว่ากัน ประการใดในแต่ละวัน
เมื่อเป็นผู้ที่ได้ศึกษาธรรม และ มีความเข้าใจขึ้น ย่อมเป็นผู้ที่น้อมไปสู่ การประพฤติ ปฏิบัติ
ตามที่ได้ศึกษา ตามที่ได้เข้าใจ
หาไม่ การศึกษาของบุคคลนั้น ย่อมเป็นโมฆะ หาได้เกิดประโยชน์อันใดแก่ตนไม่
ยังเป็นผู้ที่ยึดมั่นสำคัญหมาย ในตน ทั้งๆ ที่รู้อยู่ จากการศึกษา จากการที่ได้ฟังว่า
ไม่มีตน ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีพวกเรา ไม่มีพวกเขา
มีแต่กุศลธรรม และ อกุศลธรรม เท่านั้น ที่เกิดขึ้นเป็นไป ในทุกๆ ขณะนี้
ควรหรือ? ที่จะยังยึดถือด้วยความเห็นผิด ด้วยความเป็นเรา
ไม่คลายออก จากความไม่รู้ และ อกุศลธรรมทั้งหลายทั้งมวล อันเป็นโทษอย่างยิ่ง
และแม้จะกล่าวว่า เมื่อรู้เช่นนี้ ย่อมเป็นผู้เลือก ที่จะเป็นไปในฝ่ายกุศล
ก็ควรรู้ว่า แม้การเลือกที่จะเป็นไปในฝ่ายกุศล หรือ อกุศล ก็หามีผู้ใดเลือกไม่
ขณะที่กุศลหรือ อกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นไปแล้วนั้น
เป็นไปตามคำที่ท่านกล่าวว่า "ประพฤติ เป็นไป ตามที่ได้สะสมมา"
ท่านจึงกล่าวว่า ผู้ที่ไม่เข้าใจผิด ว่าอกุศล เป็น กุศล คือ ผู้ที่มีปัญญา เท่านั้นจึงรู้
ขอเชิญพิจารณาข้อความที่น่าประทับใจอย่างยิ่งนั้น เพื่อประโยชน์แก่ตน
เพื่อสำรวมในตน ด้วยความเข้าใจที่มั่นคงขึ้นว่า ไม่มีตน มีแต่ธรรม โดยทั่วกัน ดังนี้ครับ
คุณอรวรรณ กราบนมัสการพระคุณเจ้า กราบเท้าท่านอาจารย์ที่เคารพ
กราบเรียนท่านอาจารย์วิทยากร และท่านผู้ร่วมสนทนาทุกท่าน
ท่านอาจารย์คะ อีกประเด็นหนึ่ง ที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า ต้องรู้จิต
ก็จะเรียนเป็นประเด็นปัญหาว่า
ทำไมถึงต้องรู้ความจริงของ "จิต"
และ ถ้าไม่รู้ความจริงของจิตแล้ว จะเป็นอย่างไรคะ?
ท่านอาจารย์ ค่ะ คุณอรวรรณ ไม่ดี
ไม่ใช่ อรวรรณ นี้ เห็นไหม? อรวรรณ ไหนก็ได้ เป็นตัวสมมติ
แต่จริงๆ แล้ว อกุศล ไม่ดี
อกุศล ไม่ได้ชื่อ อรวรรณ
เพราะฉะนั้น การเข้าใจถูก ว่า ชอบใคร ไม่ชอบใคร
มีใคร? จริงๆ หรือเปล่า?
หรือว่า ชอบโลภะ?
เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้ว ไม่ได้รู้อะไรเลย สักอย่างเดียว
การฟังธรรมะ เพื่อเข้าใจถูก เพื่อเห็นถูก ตามความเป็นจริง
มีประโยชน์ไหม?
ท่านอาจารย์ คำถามของคุณอรวรรณ ทบทวนอีกครั้งค่ะ
คุณอรวรรณ ถามว่า ทำไมถึงต้องรู้ความจริงของจิต
และ ถ้าไม่รู้ความจริงของจิต แล้วจะเป็นอย่างไร?
ท่านอาจารย์ ค่ะ เพราะเหตุว่า คิดว่า มีคุณอรวรรณ
แต่ความจริง มีไหม?
คุณอรวรรณ ถ้าศึกษาแล้ว ก็ทราบว่า ไม่มี
ท่านอาจารย์ ค่ะ ก็มี "จิต"
เป็น กุศล บ้าง เป็น อกุศล บ้าง
เพราะฉะนั้น เวลาที่อกุศลจิต เกิดบ่อยๆ เราเรียกชื่อตามอกุศล ที่เกิดบ่อยๆ
สืบต่อกันว่า โดยชื่อนั้น ชื่อนี้
แต่ความจริง ไม่มีใครเลย นอกจาก "ธรรมะ"
แม้ที่เข้าใจว่า "เป็นเรา" ก็ไม่มีค่ะ
แล้วตั้งแต่เกิดมา รักใครที่สุด? ห่วงใครที่สุด?
ทำทุกสิ่ง ทุกอย่าง เพื่อใคร?
คุณอรวรรณ ตัวเอง
ท่านอาจารย์ ตัวเอง?
แล้ว "ตัวเอง" มีหรือเปล่า?
มีแต่ความติดข้อง มีแต่ความเห็นผิด
ล้วนแต่เป็นอกุศลทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจ ตามความเป็นจริงว่า
ไม่มีใคร มีแต่อกุศลธรรม
และ อกุศลธรรม ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย
ถ้าไม่มี "จิตคิด"
"คนอื่น" มีไหม?
คุณอรวรรณ ไม่มี
ท่านอาจารย์ แล้วที่ "คนอื่น" ทำอะไร ต่ออะไร นี่
ถ้าไม่คิดว่า คนโน้นทำ คนนี้ทำ
จะมีใครไหม?
ก็ไม่มี
แม้แต่ ขณะคิด ก็เกิดคิดขึ้น แล้วดับไป
อย่าลืม นะคะ
"ช่วยชาติ ให้พ้นภัย"
ชา-ติ คือ การเกิด ตั้งแต่หยาบที่สุดว่า ตาย แล้วเกิด
เกิดที่ไหน?
ถ้ามีอกุศล คือ ความไม่รู้ ก็มีสัตว์เดรัจฉาน มากมาย เต็มโลก
ให้รู้ว่า เป็นผลของ ความไม่รู้
เพราะเหตุใดคะ? ฟังได้ยินด้วยกัน แต่ก็ไม่สามารถ จะเข้าใจอะไรได้
นรก ก็ยังมี เพราะว่า กรรม หลากหลายมาก
มีตั้งแต่อย่างอ่อน แล้วก็อย่างแรงมาก
เพราะฉะนั้น "ผล" เท่ากันไม่ได้เลย ต้องเป็นไป ตามเหตุ
เปรต อีกภพภูมิหนึ่งก็มี อสุรกาย ก็มี
แล้ว เมื่อไหร่ จะไปล่ะคะ?
คะ? ช้า หรือ เร็ว
อาจจะเป็นเดี๋ยวนี้ก็ได้ เย็นนี้ก็ได้ วันนี้ก็ได้
แล้ว ไม่เห็นโทษเลยหรือคะ?
ว่า ไม่รู้อะไร
เพราะ ไม่รู้ไงคะ?
อย่าลืม
ทุกอย่าง เพราะไม่รู้ จึงเกิดที่โน่น เกิดที่นี่ ที่เป็นอบายภูมิ
คือ ทำสิ่งที่ไม่ดี แทนที่ จะทำ สิ่งที่เป็นประโยชน์
ก็เพราะ "ไม่รู้"
เพราะฉะนั้น ไม่รู้ว่า จะไปภพไหน เมื่อไหร่?
ดูเหมือน อีกนาน
ประมาทแล้วค่ะ ไม่นานเลย แต่ว่าเมื่อไหร่ไม่รู้
ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ก็จะไม่ประมาท
นอกจากนั้น เหตุที่จะให้ไป ยังกำลังเกิด ด้วย
คือ
ความไม่รู้ และ ความติดข้อง และ การยึดถือสภาพธรรมะ ว่า เป็นเรา
นำมา ซึ่งอกุศลทั้งหลาย อีกมาก
สำคัญตน
ถ้าไม่มีตน จะสำคัญตนไหม?
"เรา" หลายอย่างเลย เราต้องเก่งกว่าคนอื่น เราต้องเหนือคนอื่น
เราต้องอย่างนั้น เราต้องอย่างนี้
ด้วยความสำคัญตน
หรือว่า เราต้องสบาย เราต้องรับประทานอาหารอร่อย
"คนอื่น" ก็เอาอย่างอื่น ที่ไม่ค่อยอร่อยไป อันอร่อยนี้ ต้องเป็นของเรา
วันหนึ่งๆ อกุศล โดยไม่รู้ตัวเลย ว่ามากสักแค่ไหน?
เพราะฉะนั้น
ผลของอกุศล จะพาไปไหน? จะนำไปสู่ไหน?
รู้ หรือ ไม่รู้ ก็ได้มาสู่โลกนี้
โดยที่ไม่รู้มาก่อนเลย ว่าจะมาสู่โลกนี้ จะเป็นบุคคลนี้ ด้วย ไม่เป็นคนอื่น
แต่ "กรรม" คือ "เหตุ" ได้กระทำไว้แล้ว
เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า
ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องเป็นไปตามเหตุ
ผลทั้งหลาย ย่อมมาจากเหตุ
แล้วอย่างนี้ จะไม่ทำกุศลหรือคะ?
แต่ต้องมีปัญญา
มิฉะนั้น จะเข้าใจว่า อกุศล เป็น กุศล
ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับปัญญา ความเห็นที่ถูกต้อง
แล้ว มีแล้ว หรือ ยัง?
แล้ว มี แค่ไหน?
แล้ว ยังประมาท
เพราะฉะนั้น ไปไหนกันคะ?
ไปแน่ๆ แต่บอกไม่ได้ ว่าไปไหน?
ผู้ใดประทุษร้าย ต่อนรชนผู้ไม่ประทุษร้าย ผู้บริสุทธิ์ ไม่มีกิเลสดุจเนินบาปย่อมกลับถึงผู้นั้น ซึ่งเป็นคนพาลนั่นเองเหมือนธุลีอันละเอียด ที่เขาซัดทวนลมไป ฉะนั้นชนทั้งหลาย บางพวกย่อมเข้าถึงครรภ์ผู้มีกรรมลามก ย่อมเข้าถึงนรกผู้มีกรรมเป็นเหตุแห่งสุคติ ย่อมไปสวรรค์ผู้ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน
.........
(คัดจาก ธรรมเตือนใจ)
ณ กาลครั้งหนึ่ง...ที่ซาบซึ้ง...ใน...หทัย....
.........
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่วันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่งครับ
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ผลทั้งหลาย ย่อมมาจากเหตุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณวันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่งค่ะ
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ซาบซึ้งและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ครับ
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ซาบซึ้งในหทัย
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ซาบซึ้งในหทัย [2]
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ซาบซึ้งในหทัย [3]
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่วันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่งครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตคุณวันชัย มา ณ กาลครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
อีกครั้งครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่วันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณวันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณพี่วันชัย
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ