• สภาพธรรมกำลังปฏิบัติกิจของธรรมนั้นๆ อยู่ทุกขณะ • ศัตรูคือ กิเลสเป็นโจรภายใน • อดทน ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต โดยไม่หวังรอผล
• ขณะที่มีมานะ ไม่ใช่เมตตา • พระธรรมเตือนให้พิจารณาตัวเอง เพื่อให้รู้ว่าตลอดชีวิตนี้ไม่มีตัวตน ไม่มีสัตว์บุคคล มีแต่เพียงรูป นาม (ปรมัตถ์) เท่านั้น • ขณะที่เห็นสิ่งใดว่าเป็นของเรา ไม่ว่าจะเป็นวัตถุสิ่งใด ก็เป็นเพียงสิ่งที่อยู่ภายนอกที่จักขุวิญญาณเห็นเท่านั้น เป็นของสาธารณะที่จักขุวิญญาณของใครก็เห็นได้
• ขณะที่เสียใจมากน้อยนั้น ก็ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เพราะเป็นลักษณะของโทสะ ซึ่งเป็นนามธรรม เป็นเจตสิกชนิดหนึ่งที่เกิดกับจิตในขณะนั้น แล้วก็ดับไป • จิตของใครก็ของคนนั้น เมื่อโกรธใคร จิตใจก็เป็นทุกข์ • วัตถุกามเป็นที่ตั้งของความติดข้องต้องการ
• ไม่มีบุคคลที่ทำกรรม มีแต่รูป นาม ขันธ์ ๕ ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปตามเหตุปัจจัย • วิบากเป็นนามธรรม วิบากเป็นจิตและเจตสิกที่เป็นผลของกรรม เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย รูปเป็นผลของกรรมเพราะเกิดจากกรรม แต่ไม่ใช่วิบาก เพราะวิบากต้องเป็นนามธรรม คือเป็นจิตและเจตสิกเท่านั้น • ถ้าสติเกิดจะไม่คิดเรื่องที่ไม่มีสาระ
• ไม่มีคนฝัน ไม่มีคนหลับ มีแต่เพียงวิถีจิตกับจิตที่ไม่ใช่วิถีจิตเท่านั้น • ขณะฝัน เป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิตที่คิดนึกเรื่องราว ต่างๆ เท่านั้น • คิดต่างกับระลึกรู้ ปรมัตถ์เป็นสิ่งที่มีจริง บัญญัติไม่ใช่สภาพธรรมที่มีจริง
• จะไม่พูดอะไรที่จะทำให้ผู้อื่นช้ำใจ จะไม่พูดหรือทำให้ผู้อื่นสะเทือนใจ • รูป นามเกิดดับ บัญญัติไม่ใช่สภาพธรรม จึงไม่เกิดไม่ดับ • ทุกสิ่งที่เกิดดับเป็นโลก ไม่ใช่ตัวตน เกิดแล้วก็ดับไป
• ต้องรู้จักกิเลสให้ละเอียด • รูปไม่รู้อะไรเลย สภาพรู้เป็นนามธรรม • ธรรมะคือขณะนี้เอง ศึกษา พิจารณาให้เข้าใจสภาพธรรมในขณะนี้
• สติเจตสิกเกิดกับจิตที่ดีเท่านั้น • เห็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ก็เหมือนเห็นเงาในกระจก • ไม่ควรตื่นเต้น สนใจในสิ่งที่ไม่มีสาระ
• เมื่อมีปัญญา ก็รู้ความจริงในขณะนี้ เมื่อรู้ความจริงแล้วตั้งต้นใหม่ด้วยกุศล ก็ จะเบาสบาย • ควรมั่นคงในกุศลยิ่งๆ ขึ้น • ควรสะสมกุศลไว้เพื่อต้านทานสิ่งที่จะเกิด
• อย่าให้จิตเน่า เจริญกุศลไปเรื่อยๆ • ได้ยินคำสรรเสริญแล้วสงบกิเลสหรือเปล่า คำนินทา สรรเสริญเป็นส่วนน้อย ต่ำช้า นิดหน่อย ลามก สกปรก ต่ำต้อย ทำให้เกิดกิเลสต่างๆ ได้ • คำนินทา ทำให้เกิดโลภะ โทสะ โมหะ ความโกรธ ความผูกโกรธ ความลบหลู่ ความตีเสมอ ความริษยา มายา ความโอ้อวด ความกระด้าง ความแข่งดี ความถือดี ความดูหมิ่น ความมัวเมา กิเลสทั้งปวง ทุจริตทั้งปวง ความกระวนกระวายทั้งปวง ความเร่าร้อนทั้งปวง ความเดือดร้อนทั้งปวง
• คำชม ทำให้เกิด โทสะ โมหะ ความโกรธ ความผูกโกรธ ความลบหลู่ ความตีเสมอ ความริษยา มายา ความโอ้อวด ความกระด้าง ความแข่งดี ความถือดี ความดูหมิ่น ความมัวเมา กิเลสทั้งปวง ทุจริตทั้งปวง ความกระวนกระวายทั้งปวง ความเร่าร้อนทั้งปวง ความเดือดร้อนทั้งปวง • คำชมไม่ได้ทำให้อกุศลของเราน้อยลงเลย ถ้าลืมตัวก็จะเพิ่มกิเลส • ต้องอดทนในอกุศลของผู้อื่นแม้การติเตียนเพียงในใจ
• ควรสงสารในผู้มีอกุศลนั้น เพราะย่อมสะสมอกุศลนั้นเพิ่มขึ้น • สัตวโลกเป็นทายาทของกุศลกรรมและอกุศลกรรม ปัญญาที่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นสมบัติอันล้ำค่ายิ่งกว่าสมบัติอื่นใดและต้องเป็นปัญญาของตัวเอง • รังเกียจอกุศลของตนเองแทนที่จะรังเกียจอกุศลของผู้อื่น
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...
แด่ผู้มีทุกข์
หาภาพได้งามมากค่ะ ... เป็นธรรมเตือนใจที่ดี ขออนุโมทนาด้วยค่ะ ...
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ