ธรรมที่ทำได้ยาก [ทุกกรสูตร]
โดย พุทธรักษา  16 ต.ค. 2552
หัวข้อหมายเลข 13984

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 92-94

ทุกกรสูตร

ว่าด้วยธรรมที่ทำได้ยาก

[๓๖] เทวดากล่าวว่า ธรรมของสมณะ คนไม่ฉลาด ทำได้ยาก ทนได้ยากเพราะธรรมของสมณะนั้น มีความลำบากมาก เป็นที่ติดขัดของคนพาล.

[๓๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า คนพาล ประพฤติธรรมของสมณะ สิ้นวันเท่าใด หากไม่ห้ามจิต เขาตกอยู่ในอำนาจของความดำริทั้งหลายพึงติดขัดอยู่ทุกๆ อารมณ์ภิกษุ ยั้งวิตกในใจไว้ได้เหมือนเต่าหดอวัยวะทั้งหลาย ไว้ในกระดองของตนอันตัณหานิสัย และ ทิฏฐินิสัย ไม่พัวพันแล้วไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ปรินิพพานแล้วไม่พึงติเตียนใคร

อรรถกถาทุกกรสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในทุกกรสูตรที่ ๗ ต่อไป :-

บทว่า ทุตฺติติกิขํ ได้แก่ ทนได้ยาก คือ อดกลั้นได้โดยยาก

บทว่า อพฺยตฺเตน แปลว่า คนพาล

บทว่า สามญฺญํ แปลว่า ธรรมของสมณะอธิบายว่า เทวดา ย่อมแสดงคำนี้ว่า กุลบุตรผู้ฉลาด ฝึกสมณธรรมอันใด ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง ๖๐ ปี บ้างแม้ถือการฝึกอย่างยิ่ง คือ กดเพดานด้วยลิ้นบ้าง ข่มจิตด้วยจิตบ้างเสพอยู่ซึ่งอาสนะเดียว ซึ่งภัตหนเดียว ประพฤติพรหมจรรย์ตลอดชีวิต กระทำอยู่ซึ่ง ธรรมของสมณะ ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าคนพาล ผู้ไม่ฉลาดย่อมไม่อาจเพื่อกระทำซึ่งธรรมของสมณะนั้นได้ ดังนี้

บทว่า พหู หิ ตตฺถ สมฺพาธา ความว่าเทวดาย่อมแสดงว่าความลำบากมาก ของคนพาลผู้ปฏิบัติ เพื่อบรรลุมรรคในอริยมรรคกล่าวคือ ธรรมของสมณะนั้น เพราะในส่วนเบื้องต้น ย่อมมีอันตรายมาก ดังนี้

บทว่า จิตฺตํ เจ น นิวารเย อธิบายว่าหากว่าไม่พึงห้ามจิตอันเกิดขึ้น โดยอุบายอันไม่แยบคายไซร้ก็พึงประพฤติธรรมของสมณะได้สิ้นวันเล็กน้อย คือ พึงประพฤติได้วันหนึ่งบ้างเพราะว่า บุคคลผู้ตกอยู่ในอำนาจจิตย่อมไม่อาจเพื่อกระทำธรรมของสมณะได้

บทว่า ปเท ปเท ได้แก่ ทุกๆ อารมณ์ จริงอยู่ ในที่นี้ ปทศัพท์ ท่านหมายถึงอารมณ์เพราะว่า อารมณ์ใดๆ ที่กิเลสเกิด คนพาลย่อมจมอยู่ (ย่อมติดขัด) ในอารมณ์นั้นๆ ปทศัพท์ จะหมายถึง อิริยาบถด้วยก็สมควรเพราะว่า กิเลสย่อมเกิดขึ้นในอิริยาบถใดๆ มีการเดินเป็นต้น คนพาลนั้น ชื่อว่า ย่อมจมลง ในอิริยาบถนั้นๆ นั่นแหละ

บทว่า สงฺกปฺปานํ แปลว่า มีกามวิตกเป็นต้น

บทว่า กุมฺโมว แปลว่า เหมือนเต่า

บทว่า องฺคานิ ได้แก่ อวัยวะทั้งหลายมีคอเป็นที่ครบห้า

บทว่า สโมทหํ แปลว่า หดอยู่ หรือว่า หดแล้ว

บทว่า มโนวิตกฺเก แปลว่า วิตกอันเกิดขึ้นในใจ.พระผู้มีภาคเจ้า ทรงแสดงคำนี้ไว้ ด้วยคำเพียงเท่านี้ว่า เต่าหดอวัยวะทั้งหลาย มีคอเป็นที่ ๕ ไว้ในกระดองของตนไม่ให้ช่องแก่สุนัขจิ้งจอกเพราะการหดตน จึงพ้นจากอันตรายแม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแหละยั้งวิตกที่เกิดขึ้นในใจ ในการรักษาอารมณ์ของตน ย่อมไม่ให้ช่องแก่มารแม้เพราะการยั้งนั้น เธอจึงถึงความไม่มีภัย ดังนี้

บทว่า อนิสฺสิตฺโต แปลว่าเป็นผู้อันตัณหานิสัย และ ทิฏฐินิสัยไม่อาศัยแล้ว

บทว่า อเหฐมาโน แปลว่า ไม่เบียดเบียนอยู่

บทว่า ปรินิพฺพุโต แปลว่า ปรินิพพานแล้ว ด้วยกิเลสนิพพาน (ด้วยการดับสนิทแห่งกิเลส)

บทว่า นูปวเทยฺย กญฺจิ อธิบายว่าเป็นผู้ใคร่เพื่อกระทำให้เก้อด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความวิบัติแห่งอาจาระ เป็นต้น ไม่พึงกล่าวกะบุคคลไรๆ อื่น คือว่า ก็ภิกษุเข้าไปตั้งไว้ซึ่ง ธรรม ๕ อย่าง มีคำว่า เราจักกล่าวโดยกาลอันสมควร จักไม่กล่าวโดยกาลอันไม่สมควร เป็นต้น ไว้ในภายในแล้วอาศัยความเป็นผู้กรุณาพึงกล่าว ด้วยจิตอันดำรงไว้ในสภาพแห่งความอนุเคราะห์ดังนี้แล
จบอรรถกถาทุกกรสูตรที่ ๗


ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่และ สรรพสัตว์