ก. อาจารย์กำลังจะบอกให้เราได้เข้าใจกันว่า สภาพธรรมที่ตรงและถูกต้อง เกิดจากขบวนการธาตุรู้แห่งจิต ใช่หรือไม่
อ. ในทางพระพุทธศาสนาละเอียดมาก คือต้องทราบว่าชีวิตดำรงอยู่เพียงชั่วหนึ่งขณะจิตที่เกิดแล้วดับ แต่ว่าจิตที่เกิดทุกขณะมีพลังหรือมีสันตติในการที่จะทำให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันทีที่จิตนั้นดับลง เวลาที่พระคุณเจ้าสวดพระอภิธรรม จะมีคำว่า เหตุปัจจโย อารัมมณปัจจัยโย ... นัตถิปัจจโย สิ่งที่มีแล้วปราศไป
เพราะฉะนั้น จิตในขณะนี้มีเกิดแล้วดับ การดับคือการปราศไปของจิตขณะนี้ เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้น ถ้าจิตขณะนี้ยังไม่ดับ ยังไม่ปราศไป จิตขณะต่อไปจะเกิดไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ทุกคนจะมีจิตเพียง ๑ ขณะ ทีละ ๑ ขณะ ซึ่งเกิดดับสืบต่อตั้งแต่เกิดจนตาย แล้วก็เกิดอีก แล้วก็ตายอีก แสนโกฏิกัปป์มาแล้ว เพราะฉะนั้น จิตทำหน้าที่เกิดขึ้น เมื่อรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วดับแล้วก็เกิดอีก แล้วก็ดับอีก แล้วก็เกิดอีก ดับอีก เพราะฉะนั้น เป็นขณิกมรณะ หมายความถึง ความตายจริงๆ ทุกขณะ ไม่ใช่สมมติมรณะ และไม่ใช่สมุจเฉทมรณะ คือการตายจริงๆ ไม่เกิดอีกเลยของพระอรหันต์ ซึ่งเราใช้คำว่า “ปรินิพพาน”
เพราะฉะนั้น การที่จะมีความเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมก็ต้องศึกษาพระธรรมแล้วก็เริ่มมีความเห็นถูก แต่ไม่ใช่ว่ามีเราจะไปประจักษ์หรืออยากจะทำเพื่อที่จะให้เห็น แต่ต้องเป็นการอบรมเจริญปัญญา คือความเข้าใจถูกและรู้ว่าขณะนั้นเริ่มเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น จนกว่าจะเป็นสติปัฏฐานที่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมตามที่ได้เข้าใจถูกต้องแล้ว
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ