มีหลายๆ คนชอบพูดว่า บริจาคดวงตาชาติหน้าจะตาบอด พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า สละอะไรก็ได้สิ่งนั้น ปลูกมะม่วงก็ได้มะม่วง การบริจาคทาน จะทำให้ผู้นั้นมีความสมบูรณ์ด้านโภคทรัพย์ ตรงกันข้ามกับคนตระหนี่ ไม่เคยให้ทาน ส่งผลให้ต้องไปเกิดเป็นขอทาน มีเรื่องราวในพระไตรปิฏกเรื่องหนึ่งว่า มีเศรษฐีคนหนึ่งร่ำรวยมาก แต่เขาไม่เคยทำบุญให้ทานเลย พอตายไป เขาจึงไปเกิดเป็นลูกสุนัขอยู่ในบ้านของตนเองคนที่ใส่บาตร แน่นอนว่าเขาจะไม่ขาดแคลนอาหารในอนาคตชาติอย่างแน่นอน ในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าท่านก็เคยบริจาคอวัยวะให้ผู้อื่นมาแล้ว บางชาติท่านให้ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ.. เพราะฉะนั้น ชาติที่ท่านมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจึงมีลักษณะที่งดงามกว่ามนุษย์ทั่วๆ ไปครับ สำหรับคนที่คิดว่า "บริจาคดวงตาชาติหน้าจะตาบอด" งั้นคนที่บริจาคเลือดให้สภากาชาด ต่อไปในอนาคตชาติจะทำให้เป็นโรคโลหิตจางเหรอครับ งั้นคนที่ใส่บาตร ต่อไปในอนาคตชาติ จะทำให้เป็นคนอดอยากเหรอครับ. คนที่ตระหนี่ไม่บริจาคสิ่งใดๆ ต่อไปในอนาคตชาติ ก็ต้องคลาดแคลนในสิ่งนั้นๆ . และคนที่มีความตระหนี่หวงแหนไม่บริจาคแม้ดวงตา ต่อไปในอนาคตชาติ ท่านอาจเกิดมาตาบอดได้ครับ... ...สาธุ สาธุ สาธุ...
คนที่เกิดมาตาบอด หรือตาบอดในปวัตติกาล เกิดจากอกุศลกรรมที่ทำไว้ในอดีต ไม่ใช่เกิดเพราะการหวงแหนดวงตา
พระเจ้าสิวิราชเป็นชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า ได้เคยบริจาคดวงตาให้กับท้าวสักกะที่ปลอมเป็นพราหมณ์มาขอ สุดท้ายพระเจ้าสิวิราชก็มีตาทิพย์เกิดด้วยอำนาจสัจจกิริยา
เชิญคลิกอ่าน ... สละดวงตา [สิวิราชจริยา]
สาธุ ขอบคุณครับ