การอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานที่ประเทศศรีลังกา แบ่งเป็นสองส่วนคือพระบรมสารีริกธาตที่ได้มาจากพระเจ้าอโศกมหาราชและพระบรมสารีริกธาตุที่อันเชิญมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งจากตอนที่แล้วได้พูดถึงพระบรมสารีริกธาตุที่อันเชิญมาจากพระเจ้าอโศกและได้มาประดิษฐานที่เจติยบรรพตหรือพระมหาเสยะเจดีย์
พระบรมสารีริกธาตุส่วนที่สอง ที่อันเชิญมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์มีพระบรมสารีริกธาตุอยู่สองพระองค์คือ พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาและพระรากขวัญเบื้องขวา (กระดูกไหปลาร้า) สุมนสามเณรจึงได้ขอส่วนที่เป็นพระรากขวัญเบื้องขวามาประดิษฐานที่ศรีลังกา
เมื่อสุมนสามเณรได้พระรากขวัญเบื้องขวามาแล้ว ก็ได้พระมหินถระเป็นประธานอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปยังมหานาควันอุทยาน พระราชาก็ไปต้อนรับเสด็จพระบรมสารีริกธาตุที่มหานาควันอุทยานเช่นกัน ซึ่งในตอนนี้เองจะเห็นได้ถึงความวิจิตรของจิตของแต่ละคน เพราะบางคนเมื่อได้พระบรมสารีริกธาตุมาก็สงสัยว่าจริงหรือปลอม พระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะก็เช่นเดียวกัน ก็สงสัยเช่นนั้นจึงได้อธิษฐานว่า หากนี้เป็นพระธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไซร้ เศวตฉัตรจงเบนออกไป ช้างมงคลจงคุกเข่าลงบนพื้นและขอให้ผอบ (ที่ใส่) บรรจุพระบรมสารีริกธาตุจงมาประดิษฐานบนกระหม่อมของเรา พอพระราชาคิดจบเท่านั้น ฉัตรก็ได้เบนออกไป ช้างก็คุกเข่าลงและผอบที่บรรจุพระธาตุก็มาประดิษฐานอยู่บนกระหม่อมพระราชา หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายก็คงปิติอยู่ไม่น้อย พระราชาเองก็ทรงเกิดพระปิติปราโมทย์เป็นอย่างมาก เหมือนน้ำทิพย์สรงตัวท่าน
พระราชาได้ตรัสถามพระเถระว่าควรปฏิบัติกับพระธาตุอย่างไร พระเถระได้ทูลว่าให้วางไว้บนกระพองช้าง (ส่วนที่นูนเป็นปุ่มทั้ง 2 ข้างศีรษะช้าง) ไว้ก่อน พระราชาจึงยกผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุวางไว้บนกระพองช้าง ช้างเกิดความดีใจ ได้ร้องด้วยเสียงอันดัง เมฆตั้งเค้า ฝนโบกขรพรรษ (ฝนที่ใครอยากเปียกก็เปียก ใครไม่อยากเปียกก็ไม่เปียก) ก็ตกลงมา แผ่นดินได้ไหวครั้งใหญ่อันเป็นการแสดงว่า พระธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจักประดิษฐานอยู่ที่ปัจจันตชนบทคือประเทศศรีลังกาแล้ว ซึ่งในวันนั้นตรงกับวันเพ็ญเดือน 12 อันชาวไทยถือเป็นประเพณีลอยกระทง ดังนั้นวันลอยกระทงจึงเป็นวันคล้ายวันที่พระสารีบุตรอัครสาวกปรินิพพานและยังเป็นวันที่พระบรมสารีริกธาตุรากขวัญเบื้องขวามาประดิษฐานที่กระพองช้างที่ประเทศศรีลังกาและแผ่นดินไหว
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค เล่ม ๑ ภาค ๑ -หน้า 145
พระมหาวีระ (ผู้มีความเพียรใหญ่) เสด็จมาในเกาะลังกานี้ จากเทวโลก ได้ประดิษฐานอยู่บนกระพองช้าง ในดิถีเพ็ญเป็นที่เต็มครบ ๔ เดือน กลางเดือน ๑๒ ก่อให้เกิดปีติแก่ทวยเทพและหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ด้วยสิริคืออานุภาพแห่งฤทธิ์ ด้วยประการฉะนี้แล.
ซึ่งสำหรับในตอนต่อไข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงช้างได้นำพระธาตุไปประดิษฐานที่ถูปารามและได้แสดงยมกปาฏิหารย์และที่ถูปารามเป็นที่ประดิษฐาน เครื่องใช้สอยของพระพุทธเจ้าในอดีตถึง 3 พระองค์ ผู้ที่จะเดินทางไปศรีลังกาและได้ไหว้ถูปารามย่อมจะให้ความเคารพ นอบน้อมในพระคุณของพระพุทธเจ้าได้เป็นอย่างดี
ขออนุโมทนาครับ
เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ได้รู้ถึงประวัติของพระพุทธศาสนาที่ศรีลังกา อันศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่นั่นยังคงเหนียวแน่นจนปัจจุบัน
ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างประเสริฐของคนในโลกนี้
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
จากภาพบนจะเห็นว่าชาวพุทธในศรีลังการนุ่งห่มผ้าขาวเวลาไปวัด
อนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ