ขอเรียนถามว่า ปัญญา หมายถึงอะไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรม เป็นความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เหตุที่ทำให้ปัญญาเจริญขึ้น ที่สำคัญแล้วจะต้องเคยเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม มีศรัทธาที่จะฟัง ได้ฟังพระธรรมจากผู้ที่มีปัญญา และ มีการไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้ผู้ฟังได้พิจารณาไตร่ตรอง เป็นความเข้าใจของผู้ฟังเอง ขอเพียงเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการเข้าใจธรรม ซึ่งก็หมายถึงสิ่งที่มีจริงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เป็นธรรม เพราะในการฟังการศึกษาพระธรรม นั้น เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีในขณะนี้จริงๆ ซึ่งตัวสภาพธรรมจริงๆ นั้น มีลักษณะเฉพาะของตนๆ โดยไม่ต้องใช้ชื่ออะไรๆ ก็ได้ แต่ที่มีชื่อหรือใช้ชื่อนั้น ก็เพื่อบอกให้รู้ว่า กำลังกล่าวถึงอะไร ก็เพื่อให้เข้าถึงตัวจริงของสภาพธรรมทีกำลังกล่าวถึง นั่นเอง เพราะการฟังพระธรรม จะต้องมีเรื่องที่กำลังฟัง และก็จะต้องเป็นผู้เข้าใจเรื่องของสภาพธรรม นั้นๆ ด้วย สิ่งสำคัญ คือ การฟังแล้ว เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง ขอเพียงฟังให้เข้าใจจริงๆ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ
พระธรรมคำสอนของของอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีค่ามาก มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติใดๆ ในโลกทั้งปวง ซึ่งถ้าไม่มีโอกาสได้ฟัง ไม่มีโอกาสได้ศึกษา ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจเลย บุคคลผู้ที่ฟัง ศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบเท่านั้น ถึงจะเข้าใจและได้รับประโยชน์จากพระธรรมอย่างแท้จริง สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่งคือ การฟังพระธรรม เป็นโอกาสที่หายากในชีวิต เป็นการยากมากที่จะได้ฟัง เมื่อมีโอกาสแล้ว ได้พบพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ควรจะปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านไป ควรตั้งใจฟังด้วยความเคารพ
ขณะที่ฟังพระธรรม ขณะนั้นเป็นกุศล เป็นความดี เป็นกุศลแล้วในขณะที่ฟังพระธรรม ซึ่งก็หมายรวมถึงการพิจารณาไตร่ตรอง การสนทนา การสอบถามจากกัลยาณมิตรผู้ที่มีปัญญา ด้วย ทั้งหมดทั้งปวงนั้น เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาทั้งสิ้น แต่จะเจริญขึ้นมากน้อยแค่ไหนนั้น ย่อมขึ้นอยู่ที่การสะสมมาของแต่ละบุคคล อย่างแท้จริง ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ทำไมจึงเพิ่งเข้าใจ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมทั้งหลาย มีเหตุปัจจัย จึงเกิดขึ้น แม้แต่สภาพธรรมที่เป็นปัญญา ปัญญา แม้ไม่เรียกชื่อ แต่มีลักษณะที่มีจริง คือ ความเห็นถุก ความเข้าใจถูก หรือที่เรียกในภาษาธรรมว่า สัมมาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ใน พระไตรปิฎกว่า เหตุให้เกิดปัญญา คือ การฟังเสียงโฆษณา ที่ถูกต้อง และเหตุให้เกิดความเห็นผิด คือ การฟังเสียงโฆษณาที่ไม่ถูกต้อง ความหมาย ก็คือ การได้ฟัง สิ่งที่ถูกต้อง จาก บุคคลใดก็ตาม และ มีการพิจารณาไตร่ตรอง ย่อมเกิดปัญญา เพราะฉะนั้นเหตุให้เกิดปัญญา ต้องอาศัย ปัจจัยสองประการ คือ ปัจจัยภายนอก คือ การฟังธรรมจากสัตบุรุษ ที่เป็นพระธรรมที่ถูกต้อง และ ปัจจัยภายใน ที่สำคัญเช่นกัน คือ การพิจารณาไตร่ตรองธรรมที่เป็นโยนิโสมนสิการของตนเอง
ปัญญา จะมีได้ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม แต่จะต้องฟังด้วยดี จึงเกิดปัญญา คือ พิจารณาไตร่ตรองธรรม สมดังคำของพระเถระที่ว่า
[เล่มที่ 51] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒- หน้าที่ 49
เถรคาถา เอกนิบาต วรรคที่ ๒
๑. มหาจุนทเถรคาถา ว่าด้วยคาถาของพระมหาจุนเถระ
[๒๖๘] ได้ยินว่า พระมหาจุนทเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า การฟังดี เป็นเหตุให้การฟังเจริญ การฟังเป็น เหตุให้เจริญปัญญา บุคคลจะรู้ประโยชนก็เพราะปัญญา ประโยชน์ที่บุคคลรู้แล้ว ย่อมนำสุขมาให้ ฯลฯ จะเห็นได้ว่า การฟัง ศึกษาพระธรรมเป็นเหตุให้เกิดปัญญา เพราะ ความหมายของคำว่า สาวก หมายถึง ผู้ที่สำเร็จจากการฟัง เพราะ ฟังแล้ว จึงสำเร็จ คือ เกิดปัญญาของตนเอง แต่ที่สำคัญ ปัญญาจะค่อยๆ เจริญเติบโตทีละน้อย เหมือนการจับด้ามมีดที่ค่อยๆ สึก โดยไม่รู้ตัว และเมื่อเหตุปัจจัยพร้อมปัญญาก็มีกำลังมาก แต่ต้งอาศัย ระยะเวลายาวนาน ครับ
เชิญคลืกอ่านที่นี่ ครับ
เหตุ ๘ ประการ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา [ปัญญาสูตร]
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ด้วยความเคารพ จาก ใหญ่ราชบุรี-ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ