พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑
[๗๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมญาติมีประมาณน้อยความเสื่อมปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย. [๗๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยญาติมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญด้วยปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้แล. [๗๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมแห่งโภคะมีประมาณ น้อย ความเสื่อมแห่งปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าควานเสื่อมทั้งหลาย. [๘๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยโภคะมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้แล.
[๘๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมยศมีประมาณน้อยความเสื่อมปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย.
ถ้าเราปฏิบัิตหนทางที่ถูก ปัญญาก็เจริญขึ้นได้จนถึงขั้นรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ไม่ว่าจะอยู่ที่ในสภาพการณ์ใดๆ ก็ตาม ปํญญาเป็นรัตนของนรชนผู้มีปัญญา แม้จะขัดสนทรัพย์ก็ยังสามารถเป็นอยู่ได้ แต่ผู้ปราศจากปัญญา แม้จะมั่งคั่งด้วยทรัพย์ ก็เป็นอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นปัญญาจึงเป็นสิ่งที่ประเสริฐกว่าทรัพย์