ผู้ที่เป็นพระโสดาบันและยังใช้ชีวิตอยู่ในชีวิตประจำวัน คือ มีครอบครัวทำงานเหมือนเช่นคนอื่นๆ กรณีนี้ถ้าเราไปล่วงเกินโดยที่ไม่รู้จะบาปมากไหม เพราะเราก็ยังมีโลภ โกรธ หลงอยู่ อาจจะไปล่วงเกินด้วยกาย วาจา หรือใจ
การล่วงเกินผู้อื่น ทางกาย ทางวาจา ทางใจ เช่น ตบตี ดูหมิ่น ว่าร้าย ด่าว่า เป็นต้น ไม่ว่าผู้ถูกล่วงเกินจะเป็นใครก็บาปทั้งสิ้น แต่ถ้าล่วงเกินผู้ที่มีคุณมากเช่นกับพระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมมีโทษมาก คือผู้ที่ว่าร้ายพระอริยะ เป็นเครื่องกั้นมรรคผลในชาตินี้ และกั้นสวรรค์ในชาติหน้าแต่ถ้าทำการแก้ไขให้ถูกต้องก็ไม่กั้น ดังนั้นการล่วงเกินผู้อื่นจึงไม่ควรกระทำเลย เพราะล้วนแต่มีโทษเป็นบาปทั้งสิ้น
แสดงว่าเราต้องรักษาศีลและไม่ทำอกุศลกรรมบถ 10 ไม่ว่าใครๆ จะเป็นอะไรหรือไม่ก็ตาม เราต้องไม่ทำบาปอกุศลกับคนอื่นๆ ทั้งกาย วาจา และใจ ดิฉันจะพยายามที่จะไม่ล่วงเกินใครๆ ค่ะ จะพยายามฝึกขันติ และมีความอดทนต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เราต้องพบเจอ
ขออนุโมทนาค่ะ... พระธรรมคำสอนที่ถูกต้อง สอนไม่ให้จิตเป็นอกุศล ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
ขออนุโมทนาค่ะ.... ไม่ควรประมาทแม้อกุศลเพียงเล็กน้อยค่ะ
* * * ขออนุโมทนาค่ะ * * *
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
อกุศล ก็คืออกุศลไม่ว่าจะเกิดกับใคร บุคคลใด และแสดงออกมากับใครก็ตาม อาศัยการฟังพระธรรม ก็จะทำให้เป็นผู้มีกาย วาจาและใจที่ดีขึ้นเพราะปัญญา เจริญขึ้น ย่อมรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควรแต่ไม่ใช่เป็นตัวตนที่จะพยายามละหรือจะไม่ทำอกุศล เพราะธรรมเป็นอนัตตา เมื่อปัญญาเจริญ กาย วาจาและใจก็ดีตาม ความเห็นถูกที่เจริญขึ้นนั่นเอง จึงไม่ควรประมาทในการฟังพระธรรม เมื่อนั้นก็จะเป็นผู้ไม่ประมาทในอกุศลแม้มีประมาณน้อยเอง โดยไม่ได้บังคับบัญชาเลย
ขออนุโมทนาครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
รู้หรือไม่รู้ ถ้าเป็นอกุศลเมื่อไร ก็บาปเมื่อนั้น บาปมาก บาปน้อยก็ขึ้นอยู่กับบุคคลที่เรา ล่วงเกินมีคุณมากหรือมีคุณน้อย ถ้าบุคคลนั้นเป็นพระโสดาบัน หากเราล่วงเกิน ก็มีโทษมากค่ะ
การกระทำใดๆ ต่อผู้มีคุณธรรมสูงย่อมมีผลมาก แม้จะกระทำโดยไม่เจตนา เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงผลการกระทำด้วยเจตนาว่าจะมากเพียงไหน
ผลของอกุศลกรรมคือ อกุศลวิบาก อย่างหนักนำเกิดในอบายภูมิ อย่างเบา ในปวัตติกาล ทำให้ประสบกับสิ่งที่ไม่ดี เช่น เห็นอารมณ์ไม่ดี ได้ยินเสียงไม่ดี หรือได้รับโลกธรรมที่ไม่ดี เช่น เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา มีแต่ความทุกข์..
สาธุต่อท่านผู้ใส่ใจในธรรมทุกท่าน
ขออนุโมทนาครับ