สนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ
วันที่ 17 มิถุนายน 2550
ถอดเทป โดย
คุณย่าสงวน สุจริตกุล
คุณณรงค์ ที่ว่าต้องรู้ความต่างของขณะที่สติสัมปชัญญะเกิด กับหลงลืมสติ หลงลืมสติก็คือขณะที่สติไม่เกิดใช่ไหมครับ ก็คือที่ว่าขณะนั้นจิตเป็นอกุศล
อาจารย์ เป็นกุศลก็ได้ระดับทาน ระดับศีล ระดับอื่นที่ไม่ใช่สติปัฏฐาน
คุณณรงค์ ที่ว่าต้องรู้ความต่าง ก็คือต้องสติปัฏฐานเกิดจึงจะรู้ใช่ไหมครับ จึงจะรู้ความต่างของทั้ง ๒ อย่างนี้ได้
อาจารย์ ฟังรู้ว่าเสียงไม่ใช่แข็ง และลักษณะอะไรกำลังปรากฎ ถ้าไม่มีลักษณะปรากฎ จะชื่อว่าสติกำลังรู้ลักษณะได้ไหม
คุณณรงค์ ในขณะที่ฟังหรือครับ
อาจารย์ เดี๋ยวนี้ล่ะคะ
คุณณรงค์ แต่อันนี้ก็เป็นสติที่ไม่ใช่สติสัมปชัญญะใช่ไหมครับ
อาจารย์ สติสัมปชัญญะคืออะไร
คุณณรงค์ สติสัมปชัญญะคือ สติที่ระลึกรู้ด้วยความเข้าใจสภาพธรรมนั้นๆ
อาจารย์ กำลังมีลักษณะของสภาพธรรม กำลังปรากฎกับสติ
คุณณรงค์ รู้ความต่างของเสียงกับแข็ง ถ้าฟังตรงนี้เข้าใจหมายถึงว่า สติสัมปชัญญะเกิดแล้ว
อาจารย์ หมายความอีกแล้ว หมายความ ถือว่า หรือมิฉะนั้นก็ใช้กันบ่อยๆ แต่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ ให้ทราบว่า ความจริงก็คือว่า ต้องเป็นปัญญาที่สามารถรู้ความต่าง ถ้าบอกว่าสิ่งที่ปรากฎทางตา ต่างกับเสียง ใครบ้างไม่รู้ มีใครบ้างที่ไม่รู้ แต่ความรู้ระดับไหน หรือว่าเป็นความไม่รู้ เพียงแต่รู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฎทางตา ลักษณะอย่างนี้ไม่ใช่เสียง แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมและไม่รู้ว่าเกิดด้วย ดับด้วย อีกคำหนึ่งที่พูดก็คือ นับว่าใช่ไหม ที่ใช้พูดกันบ่อยๆ นับว่าเป็นอย่างนั้นได้ไหม ถือว่าเป็นอย่างนี้ได้ไหม ถือว่าเป็นกุศลหรือเปล่าไม่รู้จะถือทำไมนะคะ รู้ความจริงให้ชัดๆ ดีกว่า จะต้องไปถือว่าใช่ไหม
ขออนุโมทนาครับ
ต้องเป็นปัญญา....ที่รู้ลักษณะของธรรม ตามความเป็นจริงได้
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ