ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้า 234
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของบุรุษนั้นจะเร็วปานใดเล่า อนึ่งเล่า ฝูงเทวดาย่อมเหาะไปข้างหน้าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ความเร็วของหมู่เทวดานั้น เร็วยิ่งกว่าความเร็วของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของบุรุษนั้น ความเร็วของหมู่เทวดาเหล่านั้นปานใด อายุสังขารย่อมสิ้นไปเร็วกว่านั้น ... พระมหาสัตว์ดำริว่า วันนี้เราจักทดลองกำลังแห่งสรีระของเราดู แล้วบินไปด้วยความเร็วรวดเดียวเท่านั้น จับยอดเขายุคนธร ถลาขึ้นจากนั้น ใช้กำลังรวดเดียวเหมือนกันทันดวงอาทิตย์ บางคราวก็แข่งไปข้างหน้า บางคราวก็ไล่หลัง ได้คิดว่า อันการบินแข่งกับดวงอาทิตย์ของเรา ไร้ประโยชน์ เกิดประดังจากการทำในใจโดยไม่แยบคาย เราจะต้องการอะไร ด้วยประการนี้ เราจักไปสู่พระนครพาราณสี กล่าวถ้อยคำประกอบด้วยอรรถประกอบด้วยธรรม แก่พระราชาสหายของเรา ... พระราชาตรัสกะพระมหาสัตว์นั้นว่า สหายเอ๋ย เชิญท่านแสดงความเร็วชนิดที่แข่งกับดวงอาทิตย์ ให้ฉันดูบ้างเถิด พระมหาสัตว์จึงทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช หม่อมฉันไม่สามารถที่จะแสดงความเร็วชนิดนั้นได้ พระราชาตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นเชิญเธอแสดงเพียงขนาดที่พอเห็นสมกันแก่ฉันเถิด พระมหาสัตว์ทูลว่า ได้ซิ มหาราชหม่อมฉันจักแสดงความเร็วขนาดที่พอเห็นสมถวาย พระองค์โปรดดำรัสสั่งให้ นายขมังธนูผู้ยิงรวดเร็วประชุมกันเถิด พระราชาทรงให้นายขมังธนูประชุมกันแล้ว พระมหาสัตว์คัดนายขมังธนูได้ ๔ นาย ซึ่งเป็นเยี่ยมกว่าทุกๆ คน ลงจากพระราชนิเวศน์ ให้ฝังเสาศิลา ณ ท้องพระลานหลวง ให้ผูกกระดิ่งที่คอของตนจับอยู่ที่ยอดเสา ส่วนนายขมังธนูทั้ง ๔ นาย ให้ยืนพิงเสาศิลาผินหน้าไป ๔ ทิศ ทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช คน ๔ คนเหล่านี้ จงยิงลูกศร ๔ ลูก ตรงไปทางทิศทั้ง ๔ โดยประดังพร้อมกัน หม่อมฉันจะเก็บลูกศรเหล่านั้นมา มิให้ทันตกดินเลย แล้วทิ้งลงแทบเท้าของคนเหล่านั้น ... ข้าแต่พระมหาราช ความเร็วของหม่อมฉันนี้ มิใช่ความเร็วอย่างสูงสุดดอก มิใช่ความเร็วปานกลาง เป็นความเร็วขนาดเลวชั้นโหล่ ข้าแต่มหาราช ความเร็วของหม่อมฉันพึงเป็นเช่นนี้นะ พระเจ้าข้า ... พระราชาทรงถามว่า สหายเอ๋ย ก็และความเร็วอย่างอื่น ที่เร็วกว่าความเร็วของท่านน่ะ ยังมีหรือ พระมหาสัตว์กราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า อายุสังขารของสัตว์เหล่านี้ ย่อมสิ้น ย่อมสลาย ย่อมถึงความสิ้นเร็วพลันกว่าแม้แต่ความเร็วขนาดสูงสุดของหม่อมฉัน ตั้งร้อยเท่าพันทวีแสนทวี พระมหาสัตว์แสดงความสลายแห่งอรูปธรรมทั้งหลาย ด้วยสามารถความดับอันเป็นไปทุกๆ ขณะด้วยประการฉะนี้
[สรุป]
ชวนหงส์บินแข่งกับพระอาทิตย์ ถ้าในยุคนี้ผู้ที่จะมีความเร็วแข่งเท่ากับพระอาทิตย์ได้ นักวิทยาศาตร์ที่คำนวณการเดินทางของพระอาทิตย์รอบโลกตลอดวันก็มี ความเร็วระดับนั้นต้องเป็นเครื่องบินรบที่บินด้วยความเร็วเหนือเสียง เรียกว่าฟ้าโล่งๆ ปรากฏต่อหน้าฝั่งหนึ่งแล้วก็ลับตาหายไปทางฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็วหันคอแทบไม่ทัน ถ้าชวนหงส์บินเร็วระดับนั้นจริง และเทวดาก็ไปได้เร็วกว่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นทรงแสดงว่าการเกิดดับของนามรูป หรือสังขารนั้น รวดเร็วกว่านั้นมากทีเดียว หลายร้อยหลายพันเท่าแสนเท่า ตามที่ทรงแสดง
ไม่ทราบได้ฟังอย่างนี้แล้วรู้สึกอย่างไร? พระราชาที่เป็นอดีตชาติของท่านพระอานนท์กลัวต่อภัยมรณะล้มลงทีเดียวในสมัยพระโพธิสัตว์ แม้สมัยพุทธกาลภิกษุปุถุชนก็เต็มไปด้วยความสะดุ้งใจ สลดใจ เมื่อรู้ตามที่ทรงแสดงว่าสิ่งที่มีจริงได้แก่จิตและเจตสิกเกิดดับอย่างรวดเร็วมากเพียงใด สภาพธรรมรู้ได้ง่ายหรือยาก? ขณะที่จิตเกิดดับนั้นเกิดพร้อมด้วยความรู้หรือความไม่รู้? มีความรู้แทรกคั่นบ้างไหมหรือไม่มีเลย? แล้วจะต้องเกิดและตายอีกนานเท่าไรจนกว่าจะรู้ความจริงนั้น? เพราะฉะนั้นที่พึ่งเดียวคือ กุศลธรรม ตามที่แสดงไว้ว่า "พระองค์อย่าได้ทรงหวาดเกรงเลย เชิญทรงเจริญมรณสติไว้เถิด ทรงประพฤติธรรมไว้เถิด ทรงกระทำบุญมีให้ทานเป็นต้นไว้เถิด พระองค์อย่าประมาทเถิด พระเจ้าข้า" ความดีสูงสุด ก็เป็นความดีที่ประกอบด้วยความรู้ความเข้าใจ ซึ่งปัญญาหรือความเข้าใจจะเกิดขึ้นลอยๆ ไม่ได้ จะเกิดได้ต้องมีเหตุ ต้องมีการฟังคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อบารมียังไม่ถึงพร้อมที่จะรู้ความจริงนั้นได้ ก็ต้องอาศัยการฟังบ่อยๆ สะสมไปนานแสนนาน เพราะความไม่รู้มีมาก จนกว่าที่ความรู้ความเข้าใจนั้นจะสมบูรณ์สามารถที่จะรู้ความจริงที่เกิดดับอย่างรวดเร็วนั้นได้
ขอกราบอนุโมทนา
ยินดีในกุศลจิตครับ