เรียน ท่านวิทยากร
ปัญญาที่ไปรู้ปรมัตถธรรมไปกำหนดรู้รูปนาม ก็เหมือนกับท่องจำว่าอะไรเป็นรูปเป็นนามโดยไม่รู้วิเสสลักษณะ แต่ไปข้ามขั้นไปรู้สามัญลักษณะคือไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ซึ่งต้องได้ อุทยัพพยญานจึงไปรู้ได้ คำกล่าวนี้ถูกต้องหรือไม่ ที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร
ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
ปัญญาเริ่มติน คือ เข้าใจความเป็นอัตตา ที่ไม่ใช่เรา เพราะ รู้ลักษณะของธรรมในขณะนั้น ไม่ใช่ไปรู้ความไม่เที่ยง ที่เป็น วิปัสสนาญานขั้นที่ ๔ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด รู้ตรงลักษณะ ของ กาย เวทนา จิต ธรรม ขณะนั้น มีลักษณะปรากฏ คือ ลักษณะของธรรม ขณะที่ลักษณะธรรมปรากฏขณะนั้น ก็แสดงแล้วว่า ไม่ใช่เรา มีแต่ธรรม เพราะ ไม่มีสัตว์ บุคคลในขณะนั้น นี่คือ ค่อยๆ อบรมปัญญาขั้นต้น ที่เป็นสติปัฏฐาน จนปัญญามีกำลัง ถึง วิปัสสนาญาณ ตามลำดับ ที่จะรู้ แยกขาด นาม และรูป จนถึง วิปัสสนาญาณ ขั้นที่ ๔ ที่รู้ความไม่เที่ยง ซึ่ง ถ้ายังไม่รู้ความเป็นธรรม ที่ลักษณะของธรรมปรากฏ ก็ไม่มีทางที่จะรู้ ลักษณะอื่นๆ ได้เลย ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม และมีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ห่างไกลจากชีวิตประจำวันเลย อยู่กับธรรมตลอด มีธรรมเกิดขึ้นเป็นไปตลอด แต่ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจจนกว่าจะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น ทรงแสดงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง เพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูกสำหรับผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริงว่า เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ โดยไม่ปะปนกัน
สภาพธรรมแต่ละอย่างย่อมมีลักษณะที่เป็นไปเฉพาะของแต่ละสภาพธรรม ไม่เป็นสาธารณะทั่วไป เพราะสภาพธรรมเป็นแต่ละหนึ่ง ไม่ใช่อย่างเดียวกัน เช่น จิตมีความเป็นใหญ่ในการรู้อารมณ์ มีการรู้แจ้งซึ่งอารมณ์เป็นลักษณะ ผัสสะมีการกระทบอารมณ์เป็นลักษณะ เวทนามีความรู้สึกเป็นลักษณะ สัญญามีความจำได้หมายรู้เป็นลักษณะ เจตนามีความตั้งใจจงใจเป็นลักษณะ จักขุปสาทะมีการรับกระทบรูปสีเป็นลักษณะ เป็นต้น ความเป็นจริงของสภาพธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ใครๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น จึงต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริง ต่อไป ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขณะนี้มีธรรมแต่ไม่รู้ เช่น เห็น ได้ยิน กระทบสัมผัส คิดนึก ฯลฯ เพราะความไม่รู้จึงยึดถือเห็นว่าเราเห็น แต่ถึงจะอ่านจะฟังอย่างนี้ก็ยังเป็นตัวเรา แต่ความเข้าใจที่เกิดจากการฟังจะค่อยๆ สะสมจนกว่าปัญญาจะค่อยๆ ละคลายความเห็นผิดค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณมากค่ะ
สาธุค่ะ
ขออนุโมทนาครับ