ไทย-ฮินดี 02 กรกฎาคม 2565
โดย prinwut  9 ก.ค. 2565
หัวข้อหมายเลข 43325

Thai-Hindi 02 July 2022

- คำทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้รู้ความจริง เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปคิดถึงคำ แต่เริ่มเข้าใจทุกคำที่ตรัสว่า กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงอย่างนี้รึเปล่า
- สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ยังไม่ได้เข้าใจ แล้วจะพยายามไปเข้าใจสิ่งที่ไม่ปรากฏหรือ
- ต้องไม่ลืมว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้มีความเข้าใจถูกต้องว่า สิ่งนั้นคืออะไร
- เพราะรู้ว่า สิ่งอื่นที่ยังไม่ได้ปรากฏยังเข้าใจไม่ได้ แต่เมื่อเข้าใจสิ่งนี้จะค่อยๆ เข้าใจสิ่งอื่นด้วย เดี๋ยวนี้รู้สิ่งที่กำลังปรากฏไหม
- เดี๋ยวนี้เข้าใจอะไรที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ที่ปรากฏบ้าง (พยายามเข้าใจได้ยิน)
- เป็นตัวเขาที่พยายาม แต่ไม่ได้เข้าใจคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโดยการฟังและคิดไตร่ตรองเฉพาะคำที่พระองค์ตรัส
- จริงๆ แล้วคือ พูดภาษาเดียวกันแต่เหมือนไม่ได้พูดภาษาเดียวกันเพราะไม่เข้าใจอย่างเดียวกันใช่ไหม
- ภาษาคือทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจความจริงที่พระองค์ได้ประจักษ์แจ้ง
- ฟังคำของพระพุทธเจ้า ฟังและศึกษา ไตร่ตรอง ให้เข้าใจความหมายไม่ใช่คิดเอง มิฉะนั้นจะไม่เข้าใจคำหรือภาษาที่พระองค์ใช้ ที่แสดงความจริงทั้งหมดของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้
- ต้องฟังทีละคำที่พระองค์ตรัสเพื่อที่จะเข้าใจความหมายจริงๆ ของคำนั้น มิฉะนั้นก็จะคิดเองซึ่งผิดแน่นอน
- พระองค์ตรัสว่า ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ เข้าใจไหมว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
- ส่วนใหญ่เราไม่ได้ให้เขาคิดเอง ถ้าเราบอกเขาก็ไม่ได้คิดเองแต่ละคำ เพราะฉะนั้นการที่จะให้เขาเข้าใจเป็นความเข้าใจของเขาจริงๆ เราไม่บอกอะไร แต่ให้เขาคิดทีละอย่าง ทีละคำ จนกระทั่งสามารถเข้าใจได้ ต้องฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพจริงๆ สูงสุดในแต่ละคำ มิฉะนั้นแล้วไม่รู้ว่าพระองค์ตรัสให้เป็นความเข้าใจ
- ต้องเริ่มไตร่ตรองจริงๆ ทุกคำตั้งแต่นี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ รึเปล่า
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงแต่ต้องบอกด้วยว่า อะไรคือสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ถ้าบอกเขาๆ ไม่ได้คิดเอง เขาได้แต่ฟังแล้วเชื่อตาม
- เป็นความเข้าใจเริ่มต้น ตั้งแต่ได้ฟังคำไหน ต้องไตร่ตรอง ต้องเริ่มคิด เป็นความเข้าใจของตนเอง
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้รึเปล่า หมายความว่า รู้ว่าเดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ ใช่ไหม ถ้ารู้ก็บอกเดี๋ยวนี้อะไรที่กำลังมีจริงๆ (ได้ยินเสียง)
- เสียงที่ได้ยิน มีจริงๆ ไหม ใครทำให้เสียงเกิดขึ้น
- ทิ้งหมดเลย ต้องทุกคำถึงจะสามารถเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ไม่ใช่ฟังคำที่ตรัสแล้วคิดเอง เพราะฉะนั้นจะเข้าใจไหม จะเข้าใจต้องฟังและคิดและไตร่ตรอง
- เดี๋ยวนี้เห็นไหม ทำไมว่าเห็น หมายความว่า มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นใช่ไหมจึงเห็น ถ้าไม่มีเห็นจะมีสิ่งต่างๆ ไหม
- เพราะฉะนั้น เห็นคือ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นรู้สิ่งที่ปรากฏให้เห็น
- กำลังได้ยิน มีสภาพที่เกิดขึ้นรู้เสียงจึงกล่าวว่า ได้ยิน ใช่ไหม
- ต้นไม้เห็นอะไรไหม รองเท้าเห็นอะไรไหม เพราะฉะนั้นต้องมีสิ่งที่เกิดขึ้นรู้ สิ่งต่างๆ จึงปรากฏได้ใช่ไหม
- สิ่งที่เกิดขึ้นรู้ มีจริงๆ รึเปล่า ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นรู้ จะเรียกอะไรก็ได้ แต่ต้องเกิดขึ้นรู้ใช่ไหม
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรู้ว่า เป็นจิต เป็นสภาพรู้
- ขณะเกิดมีจิตไหม เพราะฉะนั้นถ้าจิตไม่มี เกิดเป็นคนได้ไหม จิตเป็นสภาพรู้เท่านั้นใช่ไหม จิตเกิดขึ้นไม่รู้อะไรได้ไหม เดี๋ยวนี้มีจิตไหม เดี๋ยวนี้จิตรู้อะไร
- อย่าลืม กำลังฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องเข้าใจทุกคำ ทีละคำ
- เดี๋ยวนี้กำลังมีสิ่งที่มีจริง กำลังเห็น เห็นคืออะไร ไม่ต้องคิดถึงคำอื่นๆ ทั้งสิ้น แค่คำถามต้องคิดเพื่อที่จะเข้าใจจริงๆ เดี๋ยวนี้มีเห็นถูกไหม ทุกคนเห็น ทุกคนพูดเรื่องเห็น แต่เห็นคืออะไร เห็นมีจริงไหม มีจริงเมื่อไหร่
- เห็นมีจริงขณะที่กำลังเห็น เวลาไม่เห็น มีเห็นไหม ใครทำให้เห็นเกิดขึ้น
- เห็น เห็นอะไร ไม่ใช่ให้จำตัวหนังสือแล้วตอบแล้วทุกคนบอกว่าเข้าใจแล้ว แต่จากการสนทนากันเป็นการรู้จักความลึกซึ้งของทุกคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ลึกซึ้งมากเพื่อที่จะให้ถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งไม่ใช่จำ ใช้คำอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าให้คิดทีละน้อย ทีละสั้นๆ ให้เข้าใจจริงๆ ให้มั่นคง ไม่ต้องการเรื่องยาวๆ แล้วไปอธิบาย นั่นแสดงว่าไม่เข้าใจเวลาถามทีละคำ
- นี่เป็นปัญญาที่เริ่มเห็นถูกต้อง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้ทุกคนเข้าใจถูกต้องในความจริงนั้นๆ
- การฟังธรรมในขณะที่ธรรมนั้นมีเพื่อเข้าใจถูกตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น
- ถ้าฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วไม่ได้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ไม่มีประโยชน์เลยและไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย
- หนทางเดียวที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ เมื่อฟังคำของพระองค์แล้วต้องไตร่ตรองจนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่รีบร้อนไปรู้สิ่งที่พระองค์แต่กำลังไม่มีในขณะนี้แล้วจะรู้ได้หรือ
- การฟังความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ขณะนี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด มิฉะนั้นไม่สามารถจะรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ได้เลย
- ทุกคำต้องศึกษาไม่ใช่ได้ยินคำว่า จิต แล้วคิดว่าเข้าใจแล้ว แต่เดี๋ยวนี้เข้าใจอะไร
- เริ่มรู้ความจริงว่า สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ไม่เข้าใจ จึงเริ่มฟังไตร่ตรองให้เข้าใจขึ้น
- เดี๋ยวนี้รู้จักจิตรึยัง เดี๋ยวนี้มีจิต รู้จักจิตรึยังหรือว่า ยังไม่รู้จักจิต นี่เป็นเหตุที่พูดบ่อยๆ ว่าเป็นสิ่งที่มีจริงๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อให้เห็นความลึกซึ้งว่า การรู้จักจิตจริงๆ ไม่ใช่ได้ยินคำว่า จิต แล้วคิดว่าเข้าใจแล้ว
- เห็นความลึกซึ้งของสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงไหม กำลังมีก็ไม่รู้ตามความเป็นจริง
- ถ้าไม่รู้ความจริงว่า พระสัมมาสัมพทุธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกอย่างที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะโลกไหนทั้งสิ้น ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้จะนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม จะชื่อว่านับถือรึเปล่าถ้าไม่รู้อย่างนี้
- เห็นเดี๋ยวนี้เองต้องเกิดจึงมีเห็นเดี๋ยวนี้ใช่ไหมและไม่ใช่มีแต่เห็นเท่านั้น มีได้ยิน มีคิดด้วย เพราะฉะนั้นเห็นเกิดเห็นเท่านั้นไม่เป็นอย่างอื่นเลย
- ถ้าเห็นเกิดขึ้นเห็นแล้วยังมีอยู่ จะไม่มีการได้ยิน จะไม่มีการคิดนึกอะไรทั้งสิ้นนอกจากเห็น
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงว่า เห็นเกิดขึ้นเก็นเท่านั้นแล้วดับไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของเห็นที่เกิดแล้วดับ ถ้าพระองค์ไม่ทรงตรัสรู้และทรงแสดงจะไม่มีใครรู้เลยว่า เห็นเดี๋ยวนี้ต้องเกิดเห็นแล้วดับ เห็นเกิดขึ้นแล้วดับจริงไหม
- พระสัมมาสัมพุทะเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังเป็นจริงๆ เดี๋ยวนี้ทุกอย่างที่เกิดดับไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์
- เห็นเมื่อวานนี้กลับมาเป็นเห็นวันนี้ได้ไหม นี่เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ความจริงของเห็นเดี๋ยวนี้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง คนอื่นสามารถเข้าใจจนประจักษ์ความจริงอย่างนี้ได้ไหม
- รู้เดี๋ยวนี้ได้ไหม ถ้าไม่รู้อะไรเลยแล้วจะประจักษ์ความจริงจองสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ได้ไหม เพราะฉะนั้นไม่รู้อะไรเลยแล้วไปสำนักปฏิบัติจะรู้ความจริงอย่างนี้ได้ไหม
- ต้องเป็นคนตรงต่อความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริงๆ จึงจะสามารถรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ได้
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานไหมกว่าจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- พระสาวกที่ได้รู้แจ้งความจริงตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ได้บำเพ็ญบารมีการเข้าใจตรงตามความเป็นจริงนานไหมกว่าจะได้เข้าใจความจริง
- ขณะนี้สภาพธรรมเกิดรึเปล่า ดับรึเปล่า ตรงต่อความเป็นจริงอย่างนี้รึเปล่า จะรู้อย่างนี้ได้เมื่อไหร่ อีกนานเท่าไหร่จะได้รู้ความจริง เพราะฉะนั้นต้องเป็นความเข้าใจถูกเท่านั้นที่รู้ได้ใช่ไหม
- มั่นคงไหม อดทนไหมที่จะฟัง ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ค่อยๆ เข้าใจขึ้นจนละความหวังที่จะรู้ หมายความว่ามั่นคงที่จะรู้และเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้ใช่ไหม หนทางเดียวนี่คือบารมีอะไร
- สัจจบารมีเท่านั้นหรือ หมายความว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทั้งหมด ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความทุกข์ ความเดือดร้อนทั้งหมด ไม่หวั่นไหวที่จะค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่กำลังเป็นจริงขณะนั้นใช่ไหม
- แม้ว่าจะมีขันติ ความมั่นคง ก็ต้องมีวิริยะ ความเพียรที่จะฟังไตร่ตรองจนกระทั่งค่อยๆ ละความไม่รุ้จนเข้าใจความจริงเป็นวิริยะบารมี
- มีวิริยะ มีขันติ มีความมั่นคง มีความจริง ที่จะทำความดี มิฉะนั้นแล้วก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจธรรมได้ใช่ไหม
- ทั้งนี้เพื่อละความชั่ว เห็นโทษของความชั่วเพราะรู้ว่า ความชั่วไม่สามารถที่จะทำให้รู้แจ้งสภาพธรรมได้ เป็นศีลบารมีที่ละความชั่วใช่ไหม อดทนมั้ยที่จะละความชั่วทุกอย่าง
- ทำความชั่วไม่ยากเลย แต่ทำความดียากไหม
- ต้องอาศัยปัญญา ต้องอาศัยความมั่นคง ต้องอาศัยความจริงทั้งหมดเพื่อละสิ่งที่ไม่ดีจึงสามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจความจริงได้
- เพราะฉะนั้น ฟังธรรมทำไม อะไรเป็นทุกข์ ใครเกิด ใครแก่ ใครเจ็บ ใครตาย - (เป็นอุปาทานขันธ์)
- ขันธ์ คืออะไร นั่นแหละถึงได้ถาม มิฉะนั้นแล้วประโยชน์ไม่มีเลยจากการที่ได้สนทนากัน แต่ประโยชน์คือ ถึงแม้ว่าจะเข้าใจอะไรมาก่อน ค่อยๆ ให้เขาเข้าใจถูกให้เขาคิด ไม่บอกอะไรเขาเลย แต่จากคำถาม เขาจะต้องคิดให้ตรง ค่อยๆ ตรงขึ้น ค่อยๆ เข้าใจขึ้น นั่นจะเป็นประโยชน์สำหรับเขา ไม่ใช่ว่าตามตัวหนังสือ หรือเราอธิบายแต่เขาไม่ได้คิดเอง เพราะฉะนั้นเขาก็ตอบไม่ได้ แต่ว่าเราถามเขาให้เขาคิดทีละคำ ไม่ต้องยาว ถามหมดทุกคำ
- ที่ใช้คำพูดว่า ขันธ์ หมายถึงอะไร ไม่ใช่จำนวนเท่าไหร่
- ต่อจากนี้ไป ไม่พูดคำที่ไม่รู้จักเพราะเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสไว้ให้เข้าใจ ไม่ใช่ให้ไปจำ
- พูดคำที่ไม่รู้จักถ้าไม่ไตร่ตรองแล้วจะมีประโยชน์ไหม เพราะฉะนั้นประโยชน์ที่สุดคือ ให้เข้าใจคำที่พูด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ ไม่ใช่ให้พูดตามแต่ให้เข้าใจ
- ต่อไปนี้จะพูดทีละคำให้ไตร่ตรองแล้วตอบ ขันธ์มีจริงไหม เดี๋ยวนี้มีไหม เดี๋ยวนี้มีขันธ์ อะไรเป็นขันธ์
- ทำไมบอกว่า เห็นเป็นขันธ์
- สิ่งที่มีจริงเกิดรึเปล่า เพราะฉะนั้น ขันธ์มีจริงเพราะขันธ์เกิดใช่ไหม
- เห็นเดี๋ยวนี้เกิดรึเปล่า เห็นเกิดแล้วดับรึเปล่า เห็นมีจริงๆ รึเปล่า เห็นเป็นขันธ์รึเปล่า ขันธ์มีจริงรึเปล่า
- สิ่งที่ไม่เกิดเป็นขันธ์รึเปล่า เพราะฉะนั้นขันธ์หมายเฉพาะสิ่งที่เกิดใช่ไหม อะไรเป็นขันธ์อีก ทีละอย่าง 2-3 อย่าง
- ได้ยินเป็นขันธ์อะไร ทำไมเป็นวิญญาณขันธ์
- หิวเป็นขันธ์อะไร จำหรือเข้าใจ เวทนาเป็นจิตรึเปล่า
- คิดเป็นอะไร เป็นขันธ์รึเปล่า เป็นขันธ์ไหน คราวหน้าจะสนทนาเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นก็ได้แต่ต้องรู้ว่าให้เขาเข้าใจด้วย ไม่ใช่ไปบอกหรือไปไกลโดยที่ไม่รู้ความจริงว่า เดี๋ยวนี้ขันธ์อะไร เดี๋ยวนี้มีขันธ์ไหม ทำไมถึงเป็นขันธ์นั้น ถ้าเข้าใจชัดเจนก็จะไม่มีความสงสัย



ความคิดเห็น 1    โดย siraya  วันที่ 16 ก.ค. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 24 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาครับ