คิดได้ แต่ธรรมทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย
โดย สารธรรม  27 พ.ค. 2552
หัวข้อหมายเลข 12502

(พระเจดีย์ ณ วัดฝายหิน อ.เมือง จ.เชียงใหม่)

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

... ข้อความบางตอนจาก ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๑๑๘๑

บรรยายโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์


... คิดได้ แต่ธรรมทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย ...

ท่านผู้ฟังในขณะนี้มีทั้งจงใจ มีทั้งดำริ มีทั้งครุ่นคิดถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ตลอดเวลาใช่ไหม  เพราะฉะนั้น ก็ยังต้องมีวิญญาณ เพราะเหตุว่าเมื่อมีความจงใจ ดำริ และครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นอารัมมณปัจจัย เพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ

แต่สำหรับพระอรหันต์ ไม่ใช่ว่าท่านจะไม่คิด แต่ไม่จงใจ ไม่ดำริ และไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด นี่คือความต่างกันเล็กน้อยๆ ในชีวิตประจำวันจากสภาพของความปุถุชน ซึ่งเป็นผู้ที่มีตัวตน เป็นเรามีความจงใจ มีความตั้งใจทุกอย่าง

ยังไม่ได้ละคลาย การที่จะเห็นสภาพธรรมทั้งหลายตาม

ความเป็นจริงว่า แต่ละขณะมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นเป็นไป โดยที่ไม่มีใครที่สามารถจะรู้ขณะต่อไปได้ว่า จะเป็นเห็น หรือเป็นได้ยิน หรือว่าจะเป็นสุข - ทุกข์ทางกาย

เพราะฉะนั้น เมื่อมีตัวตนเต็มที่ ย่อมมีทั้งความจงใจมีทั้งความดำริ มีทั้งความครุ่นคิด หมกมุ่นในความคิด ในเรื่องราวต่างๆ ...จนกว่าจะค่อยๆ ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม อบรมเจริญปัญญาขึ้น จึงจะเห็นได้ว่า ค่อยๆ คลายความจงใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่สามารถที่จะหยุดคิดได้จริง อาจจะคิดเรื่องจะทำอย่างนั้น จะทำอย่างนี้ แต่ในขณะนั้นย่อมรู้ว่า ถึงจะคิดอย่างไร สิ่งที่จะเกิดขึ้นย่อมเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยทั้งสิ้น

บางท่านอาจจะคิดไปไหนสักแห่งหนึ่ง เตรียมการล่วงหน้า ตั้งใจ จงใจ แต่ก็ไม่ได้ไป เพราะเหตุว่ามีอุปสรรคเกิดขึ้น เนื่องด้วยญาติบ้าง หรือว่าเนื่องด้วยธุรกิจบ้าง แต่ว่าจะเห็นได้ว่า การคิด คิดได้ แต่ว่าสภาพธรรมแต่ละอย่างที่จะเกิดขึ้นย่อมเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

ถ้าระลึกอย่างนี้เนืองๆ บ่อยๆ คิดก็ยังคงคิด (อยู่) แต่ว่ารู้ความจริง เพราะฉะนั้น ก็ย่อมคลายความจงใจ ในความตั้งใจ ที่จะรู้สึกผิดหวัง หรือว่าเป็นทุกข์ หรือโทมนัสได้ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ตามปัญญาที่เกิดขึ้น

แต่ถ้ายังมีความเป็นตัวตนมากทีเดียว ก็ย่อมจะรู้สึกทุกข์หรือโทมนัส เวลาที่สิ่งต่างๆ เกิดขึ้น ไม่เป็นไปตามที่จงใจ หรือตามที่คิดหวัง

(พระพุทธรูป ณ วัดฝายหิน อ.เมือง จ.เชียงใหม่)

พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี

... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ...

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริและครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ความบังเกิดคือภพใหม่ต่อไปจึงมี เมื่อมีความบังเกิดคือภพใหม่ต่อไป ชาติ ชราและมรณะ โสกปริเทว ทุกขโทมนัสและอุปายาส จึงมีต่อไป

ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ แต่ยังครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ความบังเกิดคือภพใหม่ต่อไปจึงมี เมื่อมีความบังเกิดคือภพใหม่ต่อไป ชาติชราและมรณะ โสก ปริเทว ทุกข โทมนัส และอุปายาสจึงมีต่อไป

ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ

(ต่อไปสำหรับผู้ที่บรรลุความเป็นพระอรหันต์แล้ว)

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ...

[๑๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ และไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด ...สิ่งนั้นย่อมไม่เป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อไม่มีอารัมณปัจจัย ...ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงไม่มี เมื่อวิญญาณนั้นไม่ตั้งมั่นแล้ว ไม่เจริญขึ้นแล้ว ...ความบังเกิดคือภพใหม่ต่อไปจึงไม่มี เมื่อความบังเกิดคือภพใหม่ต่อไปไม่มี ...ชาติชราและมรณะ โสก ปริเทวทุกข โทมนัส และอุปายาสต่อไปจึงดับ

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ

๘. ปฐมเจตนาสูตร

ว่าด้วยความเกิดและดับกองทุกข์

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ ๒๐๔

... คลิกเพื่ออ่านกระทู้ที่เกี่ยวข้อง ...

เหตุ ปัจจัย....อรรถกถาแสดงรูปวิภัตติ [ธรรมสังคณี]

สภาพธรรมเกิดขึ้นเพราะปัจจัยและบังคับบัญชาไม่ได้

ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้นตามเหตุตามปัจจัย

ขออุทิศส่วนกุศลแด่สรรพสัตว์



ความคิดเห็น 1    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 27 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาบุญครับ


ความคิดเห็น 2    โดย พุทธรักษา  วันที่ 27 พ.ค. 2552

แต่ว่า จะเห็นได้ว่า การคิด คิดได้แต่ว่าสภาพธรรม แต่ละอย่าง ที่จะเกิดขึ้นย่อม เป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย ถ้า "ระลึกอย่างนี้" เนืองๆ บ่อยๆ คิด ก็ ยังคงคิด (อยู่) แต่ว่า รู้ ความจริง เพราะฉะนั้นก็ย่อม คลาย ความจงใจ ในความตั้งใจ ที่จะ รู้สึก ผิดหวัง หรือว่า เป็นทุกข์ หรือ โทมนัสได้ ลดน้อย ลงไปเรื่อยๆ ตามปัญญา ที่เกิดขึ้น แต่ ถ้ายังมี "ความเป็นตัวตน" มากทีเดียว ก็ย่อมจะรู้สึก ทุกข์ หรือ โทมนัสเวลาที่ สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นไม่เป็นไป ตามที่จงใจ หรือ ตามที่คิดหวัง

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 3    โดย suwit02  วันที่ 28 พ.ค. 2552

สาธุ


ความคิดเห็น 4    โดย เมตตา  วันที่ 28 พ.ค. 2552

ในชีวิตประจำวันมีสภาพธรรมเกิดขึ้น และดับไปอยู่ทุกๆ ขณะ ไม่ใช่ตัวตนไปบังคับให้เกิดได้เลยเลือกให้สภาพธรรมเกิดก็ไม่ได้ สภาพธรรมที่ปรากฎเกิด ขึ้นล้วนเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น การคิดนึก สติ โลภะ โทสะ โมหะ ..... เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไปตามเหตุปัจจัย

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 26 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ