ตราบใดที่ยังมีตัณหาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะใดก็ตาม ก็ยังมีปัจจัยให้เกิดอยู่ มีปัจจัยให้นามธรรมและรูปธรรมเกิดขึ้น ฉะนั้น ก็จะต้องเป็นทุกข์ทุกคนมีโลภะมากมาย แต่ระลึกได้ไหมว่า โลภะแต่ละขณะที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสมุทัย เป็นเหตุที่จะให้เกิดทุกข์ คือ การเกิดขึ้นของนามธรรมและรูปธรรมทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จากชาติหนึ่งสืบไปอีกชาติหนึ่ง ไปสู่อีกชาติหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีโลภะ ก็ไม่เคยพิจารณารู้ว่าโลภะเป็นสมุทัย พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ที่แต่ละท่านได้สะสมมาแล้วทำให้แต่ละท่านระลึกได้ในชีวิตประจำวัน
ไม่ชอบ " โทสะ " แต่ถ้าเป็น " โลภะ " เท่าไรก็ไม่พอ
พระผู้มีพระภาคทรงประจักษ์แจ้งทุกขอริยสัจจ์ และทรงแสดงสัจธรรมนั้น ไม่ใช่ทุกข์ของชายก็อย่างหนึ่งและทกุข์ของหญิงก็อีกอย่างหนึ่ง เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ของชายและหญิงก็ไม่ต่างกัน เหตุของทุกข์ของสัตว์ทั้งปวง คือ ความอยากความต้องการที่รู้โลกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ
เพราะผู้มีพระภาค ทรงรู้แจ้ง และทรงแสดงตัณหาหรือโลภะซึ่งเป็นต้นเหตุของทุกข์ ด้วยการเข้าใจต้นเหตุของปัญหา พระองค์ตรัสว่า หนทางเดียวที่จะชนะปัญหาทั้งปวงได้ คือ เข้าใจลักษณของโลกทั้ง 6 โลก เพื่อที่จะทำให้โลกที่เราอาศัยอยู่นี้เป็นโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ