เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
คำบรรยายท่านอาจารย์ "คนละเมอ ขณะนั้นเป็นโมหะและโลภะ" เป็นช่วงหนึ่งในแนวทางวิปัสสนาในช่วงเที่ยง ขอความอนุเคราะห์อาจารย์กรุณาอธิบายความด้วยครับ ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คนละเมอ ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก ซึ่งขณะนั้น ก็มีวิถีจิตเกิดขึ้น แต่เพราะ ทำอะไรไม่รู้ตัว ก็เป็นโมหมูลจิตในขณะนั้น ครับ หรือ เป็นโลภะที่มีกำลังอ่อน ละเมอ เดินไปดื่มน้ำ เป็นต้น
ขอยกคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ดังนี้
ขณะที่ละเมอแลวทําสิ่งหนึ่งสิ่งใด บางคนละเมอทําการงาน อาจจะตักนํ้า เก็บมะมวง หรือทําอะไรหลายอยางในขณะนั้นเปนกรรมหรือเปลา หรือวาเปนอกุศลจิต มีตัวอยางจริงๆ ไหมคะ ในเรื่องความวิจิตรของจิต ที่จะพิจารณาเรื่องความหนักเบาของกรรม เพราะเหตุวา ในขณะที่นอนหลับ และละเมอ ไมเหมือนกับในขณะที่สมบูรณดวยสติ สัมปชัญญะ แตวายังมีการทําสิ่งตางๆ ไดเห็น แลวก็ไดยิน แลวก็มีการเคลื่อนไหวตางๆ มีการกระทําตางๆ ถาละเมอเดินลงไปรับประทานนํ้า แลวก็กลับขึ้นมานอน
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมที่เป็นอกุศลจิต ขณะนั้นจิตเป็นอกุศล มีอกุศลเจตสิกประการต่าง ๆ เกิดร่วมด้วย จึงทำให้มีความประพฤติเป็นไปอย่างนั้น
จากตัวอย่าง ในคำบรรยายของ ท่านอาจารย์สุจินต์ฯ ก็แสดงไว้ชัดเจน ว่า "บางคนละเมอตักน้ำ ละเมอเดินไปละเมอทำอะไร บางคนละเมอเก็บมะม่วง ในขณะที่เก็บมะม่วงก็จะต้องเป็นโลภมูลจิต แต่ว่ากลับไปนอนเรียบร้อย เท้าเปรอะเพราะว่าที่ต้นมะม่วงมีโคลน ตื่นขึ้นมาก็เห็นมะม่วงแล้วเท้าเปรอะ แต่ว่าไม่รู้ว่าทำอะไรไป ในขณะนั้นมีทั้งโลภมูลจิต หรือ อาจจะมีโทสมูลจิตก็ได้ แต่ว่า โมหมูลจิตต้องมีมาก ที่คั่น ทำให้ไม่สามารถจะรู้สึกตัวเลยว่า แม้ในขณะที่ทำไปด้วยโลภะ ก็มีโมหะเกิดสลับมาก" ประมวลแล้วก็คือ ความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศลจิต นั่นเอง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
คนที่นอนละเมอ จิตขณะนั้นเป็นอกุศลจิต เป็นปกติของปุถุชน พระอริยบุคคลเท่านั้นที่จะไม่นอนละเมอ ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ