สวัสดีครับพอดีผมมีเพื่อนเป็นพระ เขาเล่าเรื่องในความฝันของเขาให้ผมฟังว่าเขาจะตายในวันนู้นวันนี้แต่เลยวันที่เขาบอกว่าเขาจะตาย มันไม่เป็นความจริงครับ เรื่องที่เขาบอกว่าเขาจะตาย เค้าโกหกผม อย่างนี้ถือว่าเป็นปาราชิกหรือเปล่าครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปาราชิก คือ ประเภทของโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทประเภท ครุอาบัติ อาบัติหนักที่สุด ที่เรียกว่า อาบัติปาราชิก พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ
ปาราชิก มี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่
1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์)
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) หรือ แสวงหาศาสตรา อันจะนำไปสู่ความตาย แก่ร่างกายมนุษย์
4. กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง) อุตตริมนุสสธรรม ได้แก่ ฌาน อภิญญา มรรค ผล
การพูดว่าตนเองจะตายวันโน้น วันนี้ ที่ไม่เป็นความจริงที่เป็นเพียงความฝัน ไม่ได้ถึงกับต้องอาบัติปาราชิก หากสำคัญผิดว่าความฝันเป็นเรื่องจริง แต่ภายหลังไม่เป็นความจริง ไม่มีเจตนาโกหก ไม่ต้องอาบัติ แต่หากทั้งรู้ว่าไม่จริงแล้วพูดผิดจากความจริงก็ต้องอาบัติข้ออื่นได้ ซึ่งการจะต้องอาบัติปาราชิกจะต้องอวดคุณวิเศษที่เป็นฌาน วิปัสสนา การบรรลุธรรมที่ไม่เป็นจริง ครับ
...ขออนุโมทนา ครับ...
ตอนที่ผมบวชอ่ะครับ ผมไม่ได้ฝันเห็นญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว ผมกลับไปบอกว่าผมเห็นญาติคนนั้นอ่ะครับ จะปาราชิกไหมครับ
เรียนความเห็นที่ 2 ครับ
การจะต้องอาบัติข้อปาราชิก จะต้องเป็นการโกหก ที่ผิดจากความเป็นจริง คือ ในคุณธรรมของตนเองที่ไม่มีจริงในเรื่องที่เหนือมนุษย์ที่เรียกว่า อวดอุตตริมนุษธรรม เช่น อวดว่าได้ฌาน วิปัสสนา หรือ ได้บรรลุ แต่ตนเองไม่ได้เช่นนั้น ก็ต้องอาบัติปาราชิก เพราะฉะนั้น จึงต้องเป็นเรื่องของการอวดคุณธรรมที่เหนือมนุษย์ธรรมดาจะได้กัน แต่การพูดไม่ตรงตามความเป็นจริง เช่น ไม่ได้ฝันเห็น แต่บอกว่าเห็น เป็นการพูดไม่จริง หรือ หากฝันแล้วสำคัญว่าเป็นเรื่องจริง ภายหลังทราบว่าเป็นเรื่องไม่จริง ไม่ใช่การพูดไม่จริง แต่เป็นอกุศลที่พูดเพราะไม่ได้เป็นไปกับปัญญา แต่ไม่ใช่เรื่องของคุณธรรมที่เหนือมนุษย์ จึงไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่หากมีเจตนาพูดไม่จริง ก็ต้องอาบัติเล็กน้อย ถ้าไม่เจตนาโกหก ก็ไม่มีอาบัติ
...ขออนุโมทนา ครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระภิกษุเป็นเพศที่สูงยิ่ง เป็นผู้ที่สละอาคารบ้านเรือนออกบวช ซึ่งจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการบวชคือ เพื่อศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสของตนเองให้ยิ่งขึ้น การศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจ จึงเป็นที่พึ่งที่ดีอย่างยิ่งทำให้ได้รู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ถูก อะไรคือสิ่งที่ผิด เพื่อจะได้น้อมประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูก แล้วละเว้นในสิ่งที่ผิด
ถ้าหากว่าไม่ศึกษาให้เข้าใจ ก็ย่อมจะไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ก็จะทำให้ทำผิดพระวินัย ต้องอาบัติด้วยการล่วงละเมิดสิกขาบทข้อต่างๆ ได้ อาจจะถึงกับต้องอาบัติปาราชิก ก็ได้
พระภิกษุท่านเล่าไปตามความฝัน ไม่ได้โกหก จึงไม่ได้ล่วงในปาราชิกข้อหนึ่งข้อใดเลย แต่ประการที่สำคัญ คือ ไม่มีใครสามารถรู้วันตายได้ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ถ้าพระภิกษุมีเจตนาโกหกอาบัติปาจิตตีย์ แต่ไม่อาบัติปาราชิกเพราะไม่ได้อวดคุณวิเศษว่าบรรลุเป็นพระอรหันต์ และ ถ้าพระภิกษุพูดเล่น พูดคำที่ไม่สมควร เช่น เขาตัวดำ แต่ด่าเล่นว่าพ่อตัวขาว อันนี้อาบัติทุพภาษิต ค่ะ
ตอนที่ผมบวชผมเคยพูดไปว่า ผมนั่งสมาธิแล้วมีคนมาสะกิดหลังอะครับ แต่มันไม่มีใครเลย ต้องปาราชิกไหมครับ
ขออนุโมทนา
สำคัญผิด เข้าใจผิด ไม่มีเจตนาโกหก ไม่อาบัติปาราชิกค่ะ