ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในอังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
โรหิตัสสวรรคที่ ๕
โรหิตัสสเทพบุตร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคฯ เรื่อง "ที่สุดของโลก" ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคล สถิตย์อยู่ ณ ที่ใดหนอ จึงจะไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปปัติ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อันบุคคล จะอาจบ้างหรือไม่ เพื่อที่จะรู้ เพื่อที่จะเห็นหรือ เพื่อที่จะบรรลุถึง "ที่สุดของโลก" ได้ ด้วยการเดินทาง ฯ"
พระผู้มีพระภาคฯ ตรัสว่า "อาวุโส ที่ใด เป็นที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปปัติเรา ไม่พูดถึง ที่นั้น อันเป็น "ที่สุดของโลก" ว่าควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุ ด้วยการเดินทาง ฯ"
โรหิตตัสสเทพบุตร ทูลว่า "น่าอัศจรรย์ พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้าพระดำรัสนี้ พระผู้มีพระภาค ตรัสแจ่มแจ้ง ดังปรากฏว่า "อาวุโส ที่ใด เป็นที่ไม่เกิด เราไม่พูดถึง ที่นั้น อันเป็น "ที่สุดของโลก" ว่าควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุได้ด้วยการเดินทาง ฯ"
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญแต่ปางก่อน ข้าพระองค์ เป็น ฤาษี ชื่อ โรหิตัสสะเป็นบุตรของอิสสรชน มีฤทธิ์ เหาะไปในอากาศได้ ย่างเท้าของข้าพระองค์ เห็นปานนี้ประดุจจากมหาสมุทร ด้านทิศบูรพา ก้าวมาถึงมหาสมุทร ด้านทิศประจิมข้าพระองค์มา ประสงค์อยู่แต่เพียงว่าเรา จักบรรลุถึง "ที่สุดของโลก" ด้วยการเดินทาง
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญข้าพระองค์ ประกอบด้วย ความเร็วขนาดนี้ ด้วย ย่างเท้าอย่างนี้เว้นจากการกิน การขบเคี้ยว และ การลิ้มรสอาหารเว้นจากการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ เว้นจากความระงับความเห็นเหนื่อย ด้วยการหลับนอนมีอายุถึงร้อยปี ดำรงชีพอยู่ถึงร้อยปีเดินทางตลอดร้อยปี ก็ยังไม่ถึง ที่สุดของโลก ได้แต่มาทำกาลกิริยาเสียในระหว่าง น่าอัศจรรย์นัก พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้าพระดำรัสนี้ พระผู้มีพระภาคฯ ตรัสแจ่มแจ้งแล้วดังปรากฏว่า"อาวุโส ที่ใด เป็นที่ไม่เกิด เราไม่พูดถึงที่นั้น อันเป็น "ที่สุดของโลก" ว่า ควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุได้ด้วย การเดินทางฯ"
พระผู้มีพระภาคฯ ตรัสว่า "ดูกร อาวุโสถ้าหากเรา ยังไม่บรรลุถึง "ที่สุดของโลก" แล้วก็จะไม่กล่าวถึง "การกระทำที่สุดของทุกข์"ก็แต่ว่า เรา "บัญญัติเรียก" ว่า โลก เหตุ-ให้เกิดโลก การดับ-ของโลก และทาง-ให้ถึง-ความดับของโลก ใน "สรีระร่าง" มีประมาณวาหนึ่งนี้และ พร้อมทั้ง "สัญญา" พร้อมทั้ง "ใจครอง" ฯ
แต่ไหน แต่ไรมายังไม่มีใคร บรรลุถึง ที่สุดของโลก ด้วยการเดินทางและ เพราะที่ยังบรรลุถึงที่สุดไม่ได้ จึงไม่พ้นไปจาก "ทุกข์" เหตุนั้นแหละคนมีปัญญาดี ตระหนักชัด เรื่อง "โลก" ถึง "ที่สุดของโลก" ได้อยู่จบพรหมจรรย์ (พฺรหฺมจริย) แล้วรู้จัก "ที่สุดของโลก" แล้วเป็นผู้ระงับแล้วจึงไม่หวัง โลกนี้ และ โลกหน้า ฯ"
พระผู้มีพระภาค ตรัสสอน เรื่อง "โลก" และ "หนทาง-ที่จะถึง-ความดับของโลก"ซึ่ง ก็คือ "ความดับทุกข์" "ทาง" ที่จะประจักษ์ความจริงนี้ได้ก็ด้วย "การรู้แจ้งโลก" คือรู้ "สรีระร่าง" มีประมาณว่าหนึ่งนี้ พร้อมทั้ง "สัญญา" พร้อมทั้ง "ใจครอง"ซึ่ง เป็น "การรู้จักตนเอง"
คำถามท้ายบทที่ ๓
๑. คนเราเกิดมาในสิ่งแวดล้อมต่างกัน ฯ อะไรเป็น "สาเหตุ" ของความแตกต่างนี้
๒. คนเราประพฤติต่างกัน ฯ อะไร เป็น "ปัจจัย" ให้ต่างกัน
๓. จิตทุกดวง (ทุกขณะ) เกิดขึ้นแล้วดับไป ฉะนั้น (จิต) "สะสมกิเลส" ได้อย่างไร
หนังสือ "พระอภิธรรมในชีวิตประจำวัน" [Abhidhamma in Daily Life] โดย นีน่า วันกอร์คอม แปลโดย อ. ดวงเดือน บารมีธรรม จัดพิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดย มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
เปิดอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ...
พระอภิธรรมในชีวิตประจำวัน
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
เหตุนั้นแหละคนมีปัญญาดี ตระหนักชัด เรื่อง "โลก"ถึง "ที่สุดของโลก" ได้อยู่จบพรหมจรรย์ (พฺรหฺมจริย) แล้วรู้จัก "ที่สุดของโลก" แล้วเป็นผู้ระงับแล้วจึงไม่หวัง โลกนี้ และ โลกหน้า ฯ ... "
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
"อาวุโส ที่ใด เป็นที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุปปัติ เรา ไม่พูดถึง ที่นั้น อันเป็น "ที่สุดของโลก" ว่าควรรู้ ควรเห็น ควรบรรลุ ด้วยการเดินทางฯ"
"ทาง" ที่จะประจักษ์ความจริงนี้ได้ก็ด้วย "การรู้แจ้งโลก" คือรู้ "สรีระร่าง" มีประมาณว่าหนึ่งนี้ พร้อมทั้ง "สัญญา" พร้อมทั้ง "ใจครอง" ซึ่ง เป็น "การรู้จักตนเอง"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ