ถ. ตามธรรมดา กิเลสเราแสนจะหนาแน่น มองเห็นนามเห็นรูปก็แยกไม่ค่อยออก ไม่เห็นสภาวะของทุกข์ ทีนี้เวลาเข้าห้องปฏิบัติ ไม่มีอะไรมารบกวน เราพยายามเพ่ง เวลาเรานั่งก็เป็นรูปนั่ง นั่งแล้วไม่ใช่เป็นความสุขหรอก จะต้องเป็นทุกข์ จะเกิดความเมื่อย ก็ปล่อยให้ความเมื่อยเกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็นึกว่า นั่นเป็นความทุกข์ แล้วเมื่อไรจะดับ คือ อยากจะไปนั่งเพื่อให้เห็นสภาวะอย่างนี้ จะเป็นการผิดหรือถูก
สุ. เวลานี้ขณะนี้มีสภาวะให้เห็นหรือเปล่า
ถ. มี แต่อยากรู้ว่า เวลาเข้าห้องปฏิบัติเป็นอย่างไร ต่างกับชีวิตธรรมดาอย่างไร
สุ. อยากรู้สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น กับระลึกรู้สิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ตรงทันที อย่างไหนจะดีกว่ากัน เพราะว่าการรู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง ทุกสิ่งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมทุกชนิด ทุกประเภทที่เกิดปรากฏแล้วไม่เที่ยงทั้งนั้น ถ้ารู้จริงต้องรู้อย่างนี้ ไม่ใช่ไปรอบางสถานที่ บางนาม บางรูป หรือบางโอกาส
เพราะฉะนั้น การเจริญปัญญาที่จะรู้แจ้ง รู้ชัดจริงๆ คือ สามารถที่จะแทงตลอดสภาพของนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดดับในขณะนี้ได้ การรู้แจ้งสภาพธรรมที่เป็นของจริงจะต้องรู้ที่เป็นชีวิตปกติธรรมดาอย่างนี้ ทำไมจึงไม่เริ่มระลึกรู้ลักษณะของจริงที่สะสมมาที่จะเป็นบุคคลนี้ แล้วแต่นามอะไรรูปอะไรจะเกิดปรากฏ สติเริ่มระลึกตรงลักษณะที่ปรากฏจริงๆ เพื่อวันหนึ่งจะได้ประจักษ์ความเกิดขึ้นและดับไปของนามธรรมและรูปธรรม เพราะว่าชีวิตจริงๆ ของทุกท่านอยู่ที่ไหน ชีวิตจริงๆ ไม่ใช่ชีวิตที่สร้างขึ้น หรือทำขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 158