มีความสงสัยว่า
ความโกรธ ที่ เกิดแล้วดับแล้ว แต่ยังรู้สึกว่ามีความโกรธอยู่ เรายังโกรธอยู่ ซึ่งบางครั้งก็รุนแรงขึ้น อันนี้ หมายถึง เรายึดนิมิตความโกรธนั้น หรือ ความโกรธเกิดขึ้นอันใหม่ซ้ำๆ คะ ถามไปถามมาเหมือนคำตอบจะมา แต่ขอความกระจ่างค่ะ
และถ้ารู้อารมณ์ทางตา มีเหตุให้เกิดโกรธหรือหงุดหงิดบ่อยๆ ความโกรธหรือหงุดหงิดนั้นจะสะสมเฉพาะ ทางตา แบบ เห็นอะไรก็หงุดหงิดไปหมด ขี้หงุดหงิด (เหมือนทำทางไว้แล้ว) หรือ เป็นคนหงุดหงิดทุกๆ อย่างไม่ว่าจะรู้อารมณ์ทางไหนคะ
กราบขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความโกรธเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมอย่างหนึ่งเป็นโทสเจตสิก มีลักษณะขุ่นใจ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเวลาเกิด ย่อมกับกับจิตและเมื่อเกิดแล้วก็สะสมด้วย ที่เกิดได้ เพราะมีอนุสัยกิเลส คือ ปฏิฆานุสัย นอนเนื่อง เป็นปัจจัยให้เกิดความโกรธได้อีก อันเกิดจากการสะสมความโกรธที่เคยเกิด แล้วดับไปแล้วนั่นเองครับ
ซึ่งความโกรธที่เกิดแล้ว และยังเกิดอีกบ่อยๆ พระองค์ทรงแสดงความจริงว่า คือ ความผูกโกรธ และเมื่อเกิดทางตา ก็สะสมไปในจิต ไม่ได้สะสมที่ตา ความโกรธที่สะสมในจิตที่มีเมื่อมีปัจจัยให้เห็นอารมณ์นั้นทางตาอีก ก็เกิดความโกรธได้อีก และก็เป็นปัจจัยให้เกิดความโกรธ ทาง หู..ใจ ทวารอื่นๆ ได้ด้วย เพราะโทสะ เกิดขึ้นได้ เพราะ ปฏิฆานิมิต อารมณ์ที่ไม่ดี เป็นปัจจัย ซึ่งอารมณ์ที่ไม่ดี ไม่ใช่มีเฉพาะทางตาเท่านั้น ไม่ว่าทางไหนก็ตาม ก็เกิดความโกรธได้ ครับ ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณ อ.ผเดิม และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขณะที่โกรธ ขณะที่ไม่พอใจ ขณะที่ขุ่นเคืองใจ นั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ และไม่ว่าจะเป็นใคร ขณะนั้นเป็นการสะสมโทสะไว้ในจิตแล้ว เมื่อสะสมมากขึ้นๆ จนโทสะ ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ มีกำลังมากขึ้น วันหนึ่งวันใดข้างหน้าอาจจะถึงกับประทุษร้าย เบียดเบียน ก็เป็นได้
เป็นความจริงที่ว่า ความโกรธ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ตราบใดที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล ความโกรธ ก็ยังมี เมื่อมีเหตุที่จะทำให้ความโกรธเกิดขึ้น ความโกรธก็เกิดขึ้นเป็นปกติธรรมดา ถ้าเป็นผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมฟังพระธรรม จนกระทั่งมีความเข้าใจสภาพธรรม ที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม มีความเข้าใจว่าเป็นธรรมจริงๆ แล้ว ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ก็จะลดน้อยลง ทุกอย่างเป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปเท่านั้นจริงๆ จึงไม่ควรโกรธใครเลยทั้งสิ้น ไม่ควรเห็นว่าโกรธ เป็นเรื่องดี เพราะฉะนั้น จึงแสดงให้เห็นว่า การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง ทำให้มีที่พึ่ง นั่นก็คือ ปัญญา ความเข้าใจถูกของแต่ละคน นั่นเอง ครับ
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
เริ่มสะสมกุศลตั้งแต่ขณะนี้
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณ อ.คำปั่น และขออนุโมทนาค่ะ