ได้เคยฟังเสียงท่านอาจารย์สุจินต์ทางวิทยุตั้งแต่เป็นเด็ก มาแล้ว ตอนนั้นไม่รู้ เรื่องสติปัฏฐานอะไรเลย จำได้แต่คำพูดของท่านอาจารย์ว่า "ทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่ ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีสัตว์ บุคคล เรา เขา ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ ยั่งยืน"
ต่อมาก็ไปเป็นนักเรียนจ่าอากาศ ชีวิตระหกระเหินไปตามวิสัยโลก ไม่มีโอกาส ได้ฟังคำสอนของท่านอาจารย์อีกเลย นับเวลาได้ ๒๐ ปี แต่ด้วยอานิสงส์ที่ได้ฟัง ธรรมทางวิทยุตั้งแต่สมัยนั้น ก็พยายามรักษาศีล ๕ ด้วยตัวเองมาตลอด และด้วยสติ อันเล็กน้อยทำให้ผ่านพ้นช่วงชีวิตอันสำคัญที่จะทำให้มีภรรยา โดยไม่ได้ตั้งใจอยู่หลายครั้ง ในระหว่างนั้นก็จะปฏิบัติทั้งแบบคณะ ๕ วัดมหาธาตุ (อายุ ๒๒ ปี) แบบ พุทโธ แบบสายวัดป่า จนกระทั่งชีวิตในทางโลกก้าวหน้าจนสำเร็จเนติบัณฑิตไทย เป็นข้าราชการในกระทวงยุติธรรม
แต่แม้จะประสบความสำเร็จในทางโลกสักเพียงใด แต่ความรู้สึกหนึ่งคือ ความรู้สึกว่าชีวิตมันกลวงๆ ไม่มั่นคงอะไรเลย ถ้าตายลงในวันนี้ชีวิตคงไร้สาระ น่าใจหาย จนกระทั่งได้พบพระสุปฏิปันโนรูปหนึ่งท่านแสดงธรรม เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาสชนิดที่ไม่อาจทำงานได้ อยากใช้ชีวิตที่สงบวิเวก จนกระทั่งในที่สุดก็ตัดสิน ใจทิ้งชิวิตอันรุ่งเรืองสดใสในทางโลกนั้น มุ่งสู่ทางธรรมในรูปแบบธุดงค์ตามป่า เขา ตามถ้ำ อยู่ป่าช้า ก็รู้สึกว่าชีวิตมีความอบอุ่น และเป็นชีวิตที่แท้จริงของตนเอง แต่ก็รูสึกว่าจิตใจยังไม่มั่นคงเท่าที่ควรจะเป็นในฐานะที่อยู่ในรูปแบบแล้ว วันหนึ่ง ตัดสินใจละความเคร่งซึ่งยึดถือมาเป็นเวลานาน เปิดวิทยุฟัง ไปเจอ เสียงท่านอาจารย์สุจินต์บรรยายธรรมอยู่พอดี ใจเกิดความสงบมั่นคง พร้อมทั้งมีความเบิกบานอย่างประหลาด ก็เลยฟังเรื่อยมาติดต่อกันมา ๕ ปีแล้ว ในตอนนี้ มีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นคือ ไม่คิดแสวงหาพระนิพพานอีกแล้ว ไม่เป็นทั้งเคร่งหรือไม่เคร่ง พระหรือญาติโยมร่ำลือว่ามีพระอรหันต์ที่ไหนก็ไม่ตื่นเต้น
เหมือนแต่ก่อน ได้แต่อนุโมทนาหากท่านทำที่สุดทุกข์ได้จริง ในใจคิดแต่ว่าธรรมะ ที่ท่านอาจารย์สุจินต์บรรยายนี้ ทั้งไพเราะทั้งสมบูรณ์ด้วยอรรถะและพยัญชนะ สมบูรณ์ ทั้งปริยัติและปฏิบัติอยู่ในตัว จึงอยากบอกกล่าวความรู้สึกอันซาบซึ้งในใจนี้ ให้ท่านอาจารย์สุจินต์และเจ้าหน้าที่แห่งมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้รับทราบถึงความรู้สึกที่กตัญญู ถ้าไม่มีท่านอาจารย์และมูลนิธินี้คงไม่มีโอกาสมีชีวิตที่ปลอดโปร่งเหมือนวันนี้ ท่านอาจารย์สุจินต์เป็นอุบาสิกาผู้เลิศในการแสดงธรรมโดยแท้
ขออนุโมทนาครับ
เช่นเดียวกัน เมื่อได้ฟังธรรมที่อจ.สุจินต์บรรยาย จะมีความสุขและใจสงบดี เพราะ อจ.สอนได้ดีเข้าใจ โดยเฉพาะเสียงของอาจารย์มีพลังมากเลยค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา ขณะที่อ่านกระทู้ก็รู้สึกปลื้มปิติแทนท่านอจ.สุจินต์ ท่านอจ.สุจินต์ แสดงธรรมท่านไม่ได้แสดงออกถึงความเป็นตัวตน ท่านบรรยายธรรมให้เข้าใจถึงสภาพ ธรรมที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อละความเห็นผิด เพียรฟังธรรมท่านอจ.สุจินต์มาตลอด แต่ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิดก็ยังยากต่อการเข้าใจ ท่านพูดอยู่เสมอว่า ฟังต่อไปฟังจน กว่าจะเข้าใจ นี่แหละความเมตตาของท่าน ท่านเปรียบเสมือนผ้าเช็ดธุลี
ขออนุโมทนา
"เราไม่พัก ไม่เพียร พึงข้ามโอฆะได้"
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา เป็นความรู้สึก ปลอดโปร่งหายสงสัย อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน ยิ่งฟังยิ่ง หายทีละน้อยๆ
ขออนุโมทนาค่ะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือ เจริญปัญญาเพื่อดับกิเลส และก่อนที่เราจะได้อบรมปัญญาเราก็ต้องอาศัยผู้ที่มีคุณธรรมมีความรู้และนำพระไตรปิฎกมาแสดง ก็คือท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นบุญของพวกเราแล้วที่ได้พบพระธรรมที่ถูกต้องค่ะ
I am considered Ajarn Sujin to be the best teacher in this Century. I wish there is more like her in each corner of the world.
ขอกราบอนุโมทนาศรัทธาในการเผยแพร่พระธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ
ท่านอาจารย์สุจินต์มี เมตตา กรุณา มธุรพจน์ถ้อยคำที่ไพเราะ ท่านได้นำพระธรรมอันประเสริฐมาเผยแพร่ให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่ผู้ที่สนใจใคร่จะศึกษา ฟังพระธรรม ซึ่งเป็นประโยชน์แก่พุทธบริษัทโดยทั่วกัน
ขออนุโมทนามุทิตาจิต มีจิตพลอยยินดีที่ทุกๆ ท่านมีต่อท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ
เมื่อเร็วๆ นี้ ดิฉันได้มีโอกาสเข้าโครงการอบรมปฎิบัติธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่งในภาคใต้ โดยมีพระอาจารย์มาจากวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่มาสอนการปฎิบัติและ บรรยายธรรม ท่านมีความอดทนสูงนั่งบรรยายได้เป็นวันๆ โดยที่พวกเราเมื่อยจะแย่ อยู่แล้ว แต่ท่านไม่เห็นขยับตัวบ่อยๆ เหมือนพวกเรา แต่ท่านจะชอบพูดถึงตัวท่าน (ท่านเป็นพระ) ว่ามีสีกามากมายมาชวนท่านให้สึกไปอยู่ด้วยกัน แต่ท่านไม่ไป สีกาก็มาร้องไห้ร้องห่ม ขู่บ้างหรืออะไรบ้างทำนองนี้ และบางครั้งท่านพูดถึงชีวิตฆราวาสโดยการยกตัวอย่างว่ามีการจูบปากกันอะไรอย่างนี้ ทำให้ดิฉันรู้สึกโกรธและตำหนิท่านในใจพอถึงเวลาพักเราก็จับกลุ่มกันนินทาท่าน ถามว่าเราทั้งหลายจะบาปไหม (คือเป็นเหตุให้การปฎิบัติไม่บรรลุผล) เพราะท่านเป็นพระและเป็นอาจารย์เราด้วย ขอท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยบอกให้หายข้องใจที ชักจะเข็ด วันหลังไม่อยากไปปฎิบัติกับพระ
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์
ผู้เปรียบเสมือนมารดาทางธรรม
ผู้เป็นวิปัสสนาจารย์
ผู้เป็นธรรมกถิกา
ผู้เป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
คือ ความเป็นกัลยาณมิตร
ท่านคือผู้ที่ทำให้ผู้ใฝ่ศึกษาที่ไม่สามารถศึกษาพระพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎก แล้วเข้าใจได้ด้วยตนเอง มีโอกาสได้ศึกษาและเข้าใจพระธรรมได้ โดยท่านอธิบาย เรื่องยากมากๆ ให้ผู้มีปัญญาน้อยอย่างพวกเราพอจะเข้าใจบ้าง ขอกราบอนุโมทนา ด้วยความซาบซึ้งในพระคุณอันสูงยิ่ง
ขอกราบท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง
ขอกราบอนุโมทนาครับ
ขอบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ ผู้ให้ความรู้เข้าใจธรรมที่ถูกต้องครับขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
ผู้มีอุปการะมาก ๓ จำพวก [พหุการสูตร]
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
อนุโมทนาค่ะ
เห็นด้วย และอนุโมทนา ในความเห็นที่ ๑๑ วันที่ ๑๘/๕/๒๕๕๐ จากความเห็นที่ ๒๗๓๖ วันที่ ๓๐ ม.ค. ๒๕๕๐ ด้วยความซาบซึ้ง ในพระคุณของท่านอาจารย์สุจินต์เป็นอย่างสูง ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ท่านอ.สุจินต์ คือ มารดาทางธรรมของพวกเราทุกคนครับ
อนุโมทนาค่ะ
แต่ก่อนก็เคยฟังท่านอาจารย์สุจินต์ฯ มาหลายปีครับ แต่ก็ไม่เข้าใจ เหตุเพราะ สะสมปัญญามาน้อย มีกิเลสเป็นเครื่องกั้นมาก แต่ก็ฟังมาตลอดครับ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง เพิ่งจะเริ่มฟังธรรมที่ท่าน อ.สุจินต์ บรรยายเข้าใจบ้าง ได้ไม่นานเท่าไร มีประโยชน์มากครับ เพราะท่าน อ.สุจินต์ฯ จะเน้นไปที่ความเข้าใจธรรม ในขณะปัจจุบันว่า เป็นแต่เพียงธรรมะ เป็นอนัตตา เน้นไปที่ความเข้าใจจริงๆ กับสิ่ง ที่กำลังปรากฎ ไม่ใช่เป็นแต่เพียงความคิด แต่สัญญาความจำก็ยังไม่มั่นคงเท่าไร ก็คงต้องฟังธรรมไปเรื่อยๆ สะสมปัญญาความเข้าใจไปทีละเล็กละน้อยครับ
ขอกราบขอบพระคุณท่าน อ.สุจินต์ฯ ครับ และขอกราบอนุโมทนาครับ
ตอบความเห็นที่ 14
พระสงฆ์มีทั้งอริยสงฆ์และสมมติสงฆ์ ที่เรียกกันว่าปฏิบัติธรรมนั้นบางทีก็เป็น แฟชั่นเป็นรูปแบบ หาได้ปฏิบัติธรรมด้วยเนื้อหาจริงๆ ไม่ บางทีก็ไปนิมนต์พระอะไรก็ได้ มาเป็นวิทยากร ทั้งๆ ที่พระรูปนั้นยังไม่มีธรรมะภายในที่มั่นคง แต่ก็ทำกันไปตามแฟชั่น แล้วก็พากันภูมิอกภูมิใจว่าตัวเองได้ผ่านการปฏิบัติธรรมมาแล้ว พระที่ไปสอน ก็ภูมิใจว่าตัวเองได้สวมบทบาทพระปฏิบัติ ด้วยเหตุนี้คุณ pdoun จึงได้ไปประสบเข้า กับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ก็อย่าได้เสียใจไปเลย ขอให้คิดว่าพระที่เป็นพระจริงๆ ย่อมจะมีอยู่ และพระจริงๆ นั้น อาจไม่ได้ครองจีวรก็ได้ แต่เราในฐานะเป็นอุบาสก อุบาสิกามีหน้าที่บางประการที่พึงปฏิบัติต่อบรรพชิต เราก็มีสติระลึกรู้เพื่อประคองจิตมิ ให้เกิดอกุศล ซึ่งท่านอาจารย์สุจินต์ได้บำเพ็ญเป็นตัวอย่างตลอดชีวิตของท่าน ท่านเป็นยอดแห่งอุบาสิกาที่มีความอ่อนน้อมต่อพระสงฆ์อย่างยากจะหาใครเสมอ อยากให้ ปฏิบัติตามแนวที่ท่านอาจารย์สุจินต์สอนคือ การเจริญสติปัฏฐานนี้ให้มั่นคง แล้วจะไม่เสียใจในภายหลังเลย
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
ด้วยความเคารพในท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านอาจารย์เป็นบุคคลที่แสดงธรรมะอย่างแท้จริง โดยไม่มีการนำตัวบุคคลเข้าในเกี่ยวข้องเลย การที่ทุกท่านยกย่องท่านอาจารย์ก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่เพราะทุกท่านกระทำด้วยกุศลจิต แต่ว่าบางทีการที่เรายกย่องท่านอาจารย์อาจทำให้ผู้ที่ไม่หวังดีต่ออาจารย์ ใช้เป็นเหตุผลในการเข้าใจในตัวของท่านอาจารย์ผิดได้ ดังนั้น ผมจึงรู้สึกไม่สบายใจครับ
ด้วยความเคารพ
สาธุ..ขออนุโมทนาบุญครับ
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ครับ
ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ที่ท่านกรุณาชี้แนะหนทางที่ถูก ที่ตรง จากเมื่อก่อนเที่ยววิ่งหาวุ่นวาย วันนี้ไม่ต้องเที่ยวหาวุ่นวาย แม้ความเข้าใจในสภาพธรรมยังไม่กระจ่างชัด แต่หนทางเริ่มตรงขึ้น
ขอกราบขอบคุณท่านอาจารย์อย่างที่สุดค่ะ
ขอกราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ