จาก แนวทางเจริญวิปัสสนา เล่มที่ 121 หน้า 37 ประมาณบรรทัดที่ 19 มีข้อความว่า
สุ. ..... ... ...รูปแต่ละรูปที่ปรากฏก็ปรากฏตามความเป็นจริง แต่ขาดตอนจากกันเพราะมโนทวารปรากฏ ขณะที่มโนทวารไม่ได้ปรากฏก็ไม่ขาดตอน ทางตาต่อกับทางหูเพราะมโนทวารไม่ได้ปรากฏ แต่เมื่อใดที่มโนทวารปรากฏ ความขาดตอนของแต่ละทวารจึงปรากฏ
. . . . . . . . .
คำถามคือ
มโนทวารปรากฏ หมายถึงสภาพธรรมที่เกิดทางมโนทวารนี้ซึ่งเกิดคั่นระหว่างทางตากับทางหู ปรากฏกับสติปัฏฐาน หรือ ในมโนทวารที่ปรากฏนี้มีสติปัฏฐานเกิดขึ้นไปรู้สภาพธรรมของแต่ละทวารครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหนตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขณะนั้น ต้องเป็นการประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏ ซึ่งแน่นอนการประจักษ์แจ้ง ต้องเป็นการประจักษ์แจ้งทางมโนทวาร ขึ้นอยู่กับว่าสภาพธรรมใด ปรากฏ ขณะนั้นมโนทวารปรากฏ ปัญญาย่อมรู้ถึงความขาดตอนกันของ และละทวารอย่างชัดเจน เป็นการแยกถึงการรู้อารมณ์ทางปัญจทวาร และทางมโนทวาร ซึ่งต้องเป็นวิปัสสนาญาณเท่านั้น ครับ
...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
แสดงว่า ขณะที่มโนทวารปรากฏนั้น วิปัสสนาญาณได้เกิดขึ้นพร้อมกับชวนะวิถีจิตทางมโนทวารปรากฏนี้ ประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทางปัญจทวารหรือมโนทวาร เป็นความขาดตอนกันของแต่ละทวารอย่างชัดเจน
ขอเรียนถามต่อว่า ความขาดตอนนี้ ใช่ที่เรียกกันว่า สันตติขาด หรือไม่ครับ
เรียนความคิดเห็นที่ ๓ ครับ
พระธรรมละเอียดอย่างยิ่ง จึงต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ ที่กล่าวว่า สันตติขาด นั้น มุ่งหมายถึงการประจักษ์แจ้งความสืบต่อของนามธรรม และ รูปธรรม คือ เห็นการเกิดขึ้นและการดับไปของนามธรรมและรูปธรรม เป็นวิปัสสนาญาณขั้นอุทยัพพยญาณ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในวิปัสสนาญาณ ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ