ขอแสดงความเสียใจในการจากไปของ ..คุณจันทกร
โดย มศพ.  28 ต.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 5278

ขอแสดงความเสียใจแด่การจากไปของ

คุณจันทกร อ่ำเสงี่ยม

สหายธรรมของเรา

ขอจงโปรดได้รับรู้และอนุโมทนาในส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้ว

ของสมาชิกที่เดินทางไปยังสังเวชณียสถานในอินเดีย

และเพื่อนร่วมฟังธรรมที่มูลนิธิและบ้านธัมมะทุกท่าน

ขอให้จิตของท่านสู่สุขติเทอญ



ความคิดเห็น 1    โดย ครูโอ  วันที่ 28 ต.ค. 2550

ขอร่วมอุทิศส่วนกุศลทั้งหมดที่ได้กระทำมาแด่คุณจันทกร อ่ำเสงี่ยม ครับ


ความคิดเห็น 2    โดย ไตรสรณคมน์  วันที่ 28 ต.ค. 2550

ได้ทราบข่าวการจากไปของท่านในวันนี้เอง รู้จักท่านก็เพียงแต่ชื่อบนกระดานสนทนาเท่านั้น ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลทั้งหมดที่เป็นไปในบุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ ให้ท่านจันทกร อ่ำเสงี่ยม (caravanboy) ได้ร่วมอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 28 ต.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เรื่อง เมื่อเห็นความจริงอย่างนั้น ไม่ควรเศร้าโศก แต่อบรมเจริญกุศลทุกประการเพราะตัวท่านเอง ก็ต้องเป็นอย่างนั้นเช่นกัน

[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 195

ข้อความบางตอนจาก

เทวทูตสูตร

ว่าด้วยเทวทูตที่ ๕ (ความตาย)

[๕๑๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระยายมครั้นปลอบโยน เอาอกเอาใจ ไต่ถามถึงเทวทูตที่ ๔ กะสัตว์นั้นแล้ว จึงปลอบโยน เอาอกเอาใจ ไต่ถามถึง เทวทูตที่ ๕ ว่า ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ ท่านไม่ได้เห็นเทวทูตที่ ๕ ปรากฏใน หมู่มนุษย์หรือ

สัตว์นั้นทูลอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่เห็นเลย เจ้าข้า. พระยายมถามอย่างนี้ว่า ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ ท่านไม่ได้เห็นหญิง หรือชายที่ตายแล้ววันหนึ่ง หรือสองวัน หรือสามวัน ขึ้นพอง เขียวช้ำ มี น้ำเหลืองเยิ้มในหมู่มนุษย์หรือ

สัตว์นั้นทูลอย่างนี้ว่า เห็น เจ้าข้า

พระยายมถามอย่างนี้ว่า ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ ท่านนั้นรู้ความมีสติเป็นผู้ใหญ่แล้ว ได้มีความดำริดังนี้บ้างไหมว่า แม้ตัวเราแล ก็มีความตายเป็นธรรมดาไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ควรที่เราจะทำความดีทางกาย ทางวาจา และทางใจ


ความคิดเห็น 4    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 28 ต.ค. 2550

ขอรำลึกนึกถึงด้วยการให้พระธรรมกับพี่ครับได้คุยสนทนาธรรมกับพี่จันทกร (caravanboy) ที่มูลนิธิ ผมยังจำได้ดี ในเรื่องสติปัฏฐานจึงอยากจะนำข้อความที่สนทนากันมาอธิบายให้สหายธรรมเข้าใจกัน พี่ถามว่า สติปัฏฐานคือ ขณะที่รู้ว่าเป็นธรรมใช่ไหม เมื่อโกรธเกิดขึ้นตอบว่า การรู้ว่าเป็นธรรมนั้นโดยการคิดนึกก็ได้หรือเป็นสติปัฏฐานก็ได้ ข้อแตกต่างคือ

ถ้าเป็นสติปัฏฐานเมื่อความโกรธเกิดขึ้น ไม่ใช่คิดต่อว่า โกรธเป็นธรรมนะ นั่นเป็นสติขั้นคิดนึก ถามว่าเป็นกุศลและคิดถูกไหมและมีสติหรือเปล่า คิดถูกครับ มีสติแต่ไม่ใช่สติปัฏฐานเพราะก็ยังเป็นเราที่ไปรู้ แต่ถ้าเป็นสติปัฏฐานแล้ว ขณะที่ความโกรธเกิดขึ้น เมื่อสติปัฏฐานเกิดย่อมรู้ในขณะนั้นและรู้ลักษณะว่าเป็นธรรมอย่างหนึ่ง โดยไม่คิดนึก ยังไม่ใช่รู้ว่าเป็นโกรธแต่ปัญญาขั้นต้นรู้ว่าเป็นธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ที่สำคัญสติปัฏฐานเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้นะ

หากพี่มีจิตหยั่งรู้ก็ขอให้มั่นคงในหนทางนี้ ระลึกสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ความเข้าใจไม่ได้หายไปไหน แม้เปลี่ยนภพชาติไปแล้ว ก็เป็นเพียงจิตที่สืบต่อกันเท่านั้น หากแต่ว่าเมื่อเริ่มเข้าใจถูกในหนทาง สักวันเราก็จะพ้นจากความไม่รู้อันเป็นเหตุที่ทำให้เราจะต้องเกิดต้องตายครับ ขออนุโมทนาที่ได้เป็นเพื่อนในพระธรรมครับ
ขอมอบธรรมเป็นกำลังใจให้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ครั้งนี้

[เล่มที่ 60] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้าที่ 72

ทสรถชาดก

ว่าด้วยผู้มีปัญญาย่อมไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่เสียไปแล้ว

[๑๕๖๔] มานี่แน่ะ เจ้าลักขณ์และนางสีดาทั้งสองจงมาลงน้ำ พระภรตนี้กล่าวอย่างนี้ว่าพระเจ้าทสรถสวรรคตเสียแล้ว.

[๑๕๖๕] พี่ราม ด้วยอานุภาพอะไร เจ้าพี่ไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ควรเศร้าโศก ความทุกข์มิได้ครอบงำพี่ เพราะได้ทรงสดับว่าพระราชบิดาสวรรคตเล่า

[๑๕๖๖] คนเราไม่สามารถจะรักษาชีวิต ที่คนเป็นอันมากพร่ำเพ้อถึง นักปราชญ์ผู้รู้แจ้งจะทำตนให้ เดือดร้อนเพื่ออะไรกัน


ความคิดเห็น 5    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 28 ต.ค. 2550

[๑๕๖๗] ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งพาลทั้งบัณฑิต ทั้งคนมั่งมีทั้งคนยากจน ล้วนบ่ายหน้าไปหามฤตยูทั้งนั้น

[๑๕๖๘] ผลไม้ที่สุกแล้ว ก็พลันแต่จะหล่นลง เป็นแน่ฉันใด สัตว์ทั้งหลายเกิดมาแล้ว ก็พลันแต่จะตายเป็นแน่ ฉันนั้น

[๑๕๖๙] เวลาเช้าเห็นกันอยู่มากคน พอถึงเวลาเย็นบางคนไม่เห็นกัน เวลาเย็นเห็นกันอยู่มากคน พอถึงเวลาเช้าบางคนไม่เห็นกัน


ความคิดเห็น 6    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 28 ต.ค. 2550

[๑๕๗๐] ถ้าผู้ที่คร่ำครวญหลงเบียดเบียนตนอยู่ จะพึงได้รับประโยชน์สักเล็กน้อยไซร้ บัณฑิตผู้มีปรีชา ก็จะพึงทำเช่นนั้นบ้าง

[๑๕๗๑] ผู้เบียดเบียนตนเองตนอยู่ ย่อมซูบผอมปราศจากผิวพรรณ สัตว์ผู้ละไปแล้วไม่ได้ช่วยคุ้มครองรักษา ด้วยการร่ำไห้นั้นเลย การร่ำไห้ไร้ประโยชน์

[๑๕๗๒] คนฉลาดพึงดับไฟที่ไหม้เรือนด้วยน้ำ ฉันใด คนผู้เป็นนักปราชญ์ได้รับการศึกษามาดีมีปัญญาเฉลียวฉลาด พึงรีบกำจัดความโศกที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน เหมือนลมพัดปุยนุ่นฉันนั้น

[๑๕๗๓] คนๆ เดียวนั้นตายไป คนเดียวเท่านั้น เกิดในตระกูล ส่วนการคบหากันของสรรพสัตว์ มีความเกี่ยวข้องกันเป็นอย่างยิ่ง


ความคิดเห็น 7    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 28 ต.ค. 2550

[๑๕๗๔] เพราะเหตุนั้นแล ความเศร้าโศกแม้จะมากมายก็ไม่ทำจิตใจของนักปราชญ์ ผู้เป็นพหูสูต มองเห็นโลกนี้และโลกหน้า รู้ทั่วถึงธรรมให้เร่าร้อนได้.

[๑๕๗๕] เราจักให้ยศและโภคสมบัติ แก่ผู้ที่ควรจะได้ จักทะนุบำรุงภรรยา ญาติทั้งหลายและคนที่เหลือนี้เป็นกิจของบัณฑิตผู้ปรีชา

[๑๕๗๖] พระเจ้ารามผู้มีพระศอดุจกลองทอง มีพระพาหาใหญ่ ทรงครอบครองราชสมบัติอยู่ตลอด ๑๖,๐๐๐ ปี

จบทสรถชาดกที่ ๗

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 8    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 29 ต.ค. 2550

กระผมขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญไว้ดีแล้วนั้นให้ท่านจันทกร (caravanboy) ได้อนุโมทนาด้วยครับ

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย namarupa  วันที่ 29 ต.ค. 2550

วันหนึ่งข้างหน้า ภาพของเราหรือท่านก็จะคงจะอยู่บนเว็บนี้เช่นกัน... ความจริงที่พระพุทธองค์ทรงแสดง ไม่มีใครที่สามารถจะหนีพ้นไปได้ เราอยู่กับความตายทุกขณะ แต่ก็ยังไม่ได้รู้ความจริงตรงนั้น ขอให้คุณ caravanboy ได้พบกับพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ในทุกๆ ชาติค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย kitti2232  วันที่ 31 ต.ค. 2550

ขอธรรมมะที่ท่านรักษาไว้ดีแล้ว จงนำท่านไปสู่สุคติภพด้วยเทอญ

ขออนุโมทนาบุญกุศลของทุกๆ ท่านค่ะ

กิตติ


ความคิดเห็น 11    โดย jurairat  วันที่ 31 ต.ค. 2550

การสนทนาแม้ในเรื่องการจากไปของสหายธรรม เป็นการเตือนให้สติเกิดเพื่อระลึกถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ไม่ควรประมาท ขอนุโมทนากับกุศลจิตทุกท่าน และ ขออุทิศส่วนกุศลที่ดิฉันได้กระทำแล้วให้ท่านจันทกรได้อนุโมทนาด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย ่jurairat91  วันที่ 27 ม.ค. 2563

ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้กระทำแล้วในวันนี้ให้คุณจันทกร อ่ำเสงี่ยมขอบพระคุณทุกท่านในความคิดเห็น และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย chatchai.k  วันที่ 16 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 14    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 15 พ.ย. 2565

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่าน