กุศลเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลได้ไหมครับ? ขอตัวอย่างบุคคล และอรรถะโดยละเอียดครับ.
โดย ลูกศิษย์ธรรม  13 ก.ค. 2556
หัวข้อหมายเลข 23172

กุศลเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลได้หรือ?ประมาทความสุขชนิดกุศลนี้ก็ไม่ได้เป็นพระโสดาบันแล้วก็ประมาทไม่ได้ครับ

ฌาณเป็นเรื่องของกุศล แต่ผู้ติดในฌาณจึงเป็นอกุศลใช่มั้ยครับ? จึงไม่ถึงพระนิพพาน.

ตัวอย่างเช่น อสิตดาบส มีคนกล่าวไว้ว่า ท่านมีสุขคือฌาณที่เป็นกุศล แต่ติดในสุขนั้น จึงเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศล ติดในฌาณที่ตนได้จึงไม่ถึงนิพพาน.



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 14 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นก็ต้องมีความเข้าใจในคำที่กล่าวถึงอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เป็น

การศึกษาธรรมทีละคำ คือ คำว่า อกุศล และ กุศล คำว่า อกุศล หมายถึงสภาพธรรมที่

ไม่ดี เป็นความชั่ว เป็นธรรมที่ให้ผลเป็นทุกข์ เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่กุศล เป็นสภาพ

ธรรมที่มีจริง เมื่อกล่าวโดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่ อกุศลจิตและเจตสิกธรรมที่เกิดร่วม

ด้วย ตัวอย่างขณะที่เป็นอกุศล เช่น ติดข้อง ไม่พอใจ ตระหนี่ ริษยา ไม่รู้ธรรมตาม

ความเป็นจริง เป็นต้น ส่วนกุศล ก็เป็นธรรมที่ตรงกันข้ามกับอกุศลคือ เป็นธรรมที่ดีงาม

เป็นความดี ไม่มีโทษภัยใดๆ เป็นธรรมที่ให้ผลเป็นสุข ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ก็ได้แก่

กุศลจิตและเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย ตัวอย่างขณะที่เป็นกุศล เช่นมีเมตตา ฟังพระ

ธรรมเข้าใจ ช่วยเหลือผู้อื่น อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นต้น

ส่วน กุศล เป็นปัจจัยให้เกิดอกุศล เช่น เมื่อมีการเจริญกุศลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในส่วน

ของการให้ทาน การรักษาศีล การอบรมเจริญปัญญา ก็มีการยกตน สำคัญตนว่าเราให้

ทานแต่คนอื่นไม่ได้ให้ หรือเราให้ทานได้มากกว่าคนอื่น เรารักษาศีลได้ดีกว่าคนอื่น

เรามีความเข้าใจธรรม มากกว่าคนอื่น เป็นต้น ซึ่งก็เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย

จริง

อีกตัวอย่างหนึ่ง ให้ทาน ทำบุญ แล้ว เมื่อให้ ก็หวังผลในบุญนั้น ก็เป็นกุศล เป็น

ปัจจัยให้เกิด อกุศล และ เจริญสมถภาวนา ได้ฌาน แม้ได้ฌานสูงสุด แต่เพราะยัง

เป็นปุถุชน แต่ก็เป็นปัจจัยวำคัญผิดว่า เป็นการบรรลุธรรมแล้ว ดังเช่น อุทกดาบส

สำคัญว่า การได้ฌาน 8 ของท่าน คือ การบรรลุธรรม นี่ก็เป็นกุศล ขั้นสูง คือ

สมถภาวนา เป็นปัจจัยให้เกิด อกุศล คือ ความเห็นผิดได้ ครับ เพราะยังมีเชื้อ คือ

ความเห็นผิดอยู่ ครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ

กุศลเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลได้อย่างไร

คำถามที่ว่า

ฌาณเป็นเรื่องของกุศล แต่ผู้ติดในฌาณจึงเป็นอกุศลใช่มั้ยครับ

ถูกต้อง ครับ แต่ขออธิบายเพิ่มเติมที่ว่า ฌาน ที่เป็นการเจริญสมถภาวนา

ไม่ใช่หนทางการดับกิเลส แม้จะได้ฌานสูงสุด อย่างเช่น อสิตดาบส หรือ

อาฬารดาบส อุทกดาบส เป็นต้น แต่ ไม่ไ้ดมีการเจริญวิปัสสนาต่อ ก็ไม่

สามารถดับกิเลสๆ ได้

ส่วนการติดข้อ ยินดีในฌาน ก็เป้นโลภะ โลภะ ย่อมไม่สามารถทำให้ถึง

พระนิพพานได้เลย เพราะฉะนั้น การติดข้องไม่ว่าเรือ่งใด ย่อมไม่ถึงการ

ดับกิเลสได้

หนทางการดับกิเลที่ถูกต้อง จึงเป้นการเจริญวิปัสสนา รู้ลักษณะของสภาพ

ธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยไม่ต้องไปเจริญฌาน แต่เจริญ

ญาน คือ ปัญญาที่เป็นหนทางการดับกิเลส ที่เป็นสติปัฏฐาน ครับ ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 14 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตราบใดก็ตามที่ยังไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลย กิเลสประเภทนั้นๆ ก็ย่อมเกิดขึ้น

ทำกิจหน้าที่ เป็นไปตามเหตุปัจจัยจริงๆ แม้จะเป็นผู้ที่ได้ฌาน แต่ถ้ายังไม่สามารถดับ

กิเลสได้ ก็ยังมีเหตุให้ความติดข้องยินดีพอใจ แม้ในกุศลที่เป็นฌานขั้นต่างๆ ได้

เพราะที่ตั้งของโลภะ นั้นมีมากมาย ยกเว้นโลกุตตรธรรม ๙ (มรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ และ

พระนิพพาน) เท่านั้น ที่ไม่เป็นที่ตั้งของโลภะ

การอบรมเจริญสมถภาวนาไม่สามารถดับกิเลสได้ เพียงระงับกิเลสได้ด้วยการข่ม

เท่านั้น ยังไม่สามารถดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด กิเลสยังมีโอกาสเกิดขึ้นกลุ้มรุมจิตใจ

ได้อีก สำหรับผู้ที่อบรมเจริญสมถภาวนา ได้ฌานขั้นต่างๆ เมื่อฌานไม่เสื่อมก่อนจุติ

ก็เป็นเหตุให้ไปเกิดเป็นพรหมบุคคล ในพรหมโลก ตามระดับขั้นของฌานที่ได้ ซึ่งยัง

ไม่พ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ ยังไม่หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด

อีก แต่การอบรมเจริญปัญญา (วิปัสสนาภาวนา) เริ่มที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม

ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เป็นไป

เพื่อ ความเจริญขึ้นของปัญญา จนกระทั่งสามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น

ทำให้ ผู้ที่อบรมเจริญสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น จนกระทั่งสูงสุดถึงความเป็น

พระ อรหันต์ พ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวง

ผู้ที่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้

ย่อมไม่ละเว้นโอกาสที่จะทำให้ตนเองได้มีความเข้าใจ ยิ่งขึ้น ด้วยการฟังพระธรรม

ฟังในสิ่งที่มีจริง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย ลูกศิษย์ธรรม  วันที่ 14 ก.ค. 2556

ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, (กุศลธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่กุศลธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย)

ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อพฺยากตานํ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, (กุศลธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่อัพยากตธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย)

ปุริมา ปุริมา อกุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, (อกุศลธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่อกุศลธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย)

ปุริมา ปุริมา อกุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อพฺยากตานํ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, (อกุศลธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่อัพยากตธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย)

ปุริมา ปุริมา อพฺยากตา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อพฺยากตานํ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, (อัพยากตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่อัพยากตธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย)

ปุริมา ปุริมา อพฺยากตา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, (อัพยากตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่กุศลธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย)

ปุริมา ปุริมา อพฺยากตา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, (อัพยากตธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่อกุศลธรรมที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย)

เยสํ เยสํ ธมฺมานํ อนนฺตรา เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา เต เต ธมฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโยติ ฯ (ธรรม คือ จิตและเจตสิกใดๆ เกิดขึ้นในลำดับแห่งธรรมใดๆ ธรรมนั้นๆ เป็นปัจจัยแก่ธรรม (คือ จิตและเจตสิก) นั้นๆ โดยอนันตรปัจจัย)

(อภิ. ป. ๗/๒-๕)


ความคิดเห็น 4    โดย ลูกศิษย์ธรรม  วันที่ 14 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ