ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ยังไม่เป็นไท
ยากมากที่จะละโลภะ ยังไม่เป็นอิสระจากโลภะ จนกว่าปัญญาจะเจริญขึ้น จนมีกำลังที่สามารถละโลภะได้
ยังไม่เป็นไท
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ธรรมะ คือ สิ่งที่มีจริงขณะนี้
ธรรมะปรากฏทุกขณะที่เข้าใจ
กรรม คือ การกระทำ ได้แก่ เจตนาเจตสิก ซึ่งตามปกติเจตนาเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวง ไม่มีจิตสักประเภทเดียวซึ่งจะขาดเจตนาเจตสิก เพราะฉะนั้น เจตนาเจตสิกที่เกิดกับกุศลก็เป็นกุศลเจตนา เจตนาเจตสิกที่เกิดกับอกุศลก็เป็นอกุศลเจตนา เจตนาเจตสิกที่เกิดกับวิบาก เป็นผลของกุศล ก็เป็นเจตนาที่เป็นวิบาก ไม่ใช่เป็นกุศลหรืออกุศลที่เป็นเหตุ เจตนาที่เกิดกับกิริยาจิตก็ไม่ใช่ทั้งกุศล ไม่ใช่ทั้งอกุศล ไม่ใช่ทั้งวิบาก แต่ว่าเป็นเจตนาที่เป็นเพียงกิริยา
เข้าใจเรื่องกรรม เล่ม ๑
อยากเป็นพระโสดาบันชาตินี้ไหม อยากหรือไม่อยาก ถึงอยากก็ไม่เป็น แล้วแต่เหตุปัจจัย อบรมไป เจริญไป จนกว่าจะถึง แต่ต้องเป็นความเข้าใจถูก และการปฏิบัติถูก เป็นสัมมาสติที่ระลึกถูก ส่วนการที่จะเป็นพระโสดาบัน ขอให้ยืดออกไปอีก จนกว่าปัญญาจะค่อยๆ รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมเพิ่มขึ้นๆ และไม่ต้องคอยหรือหวัง วันไหนจะเป็น เมื่อเหตุสมบูรณ์ วันไหนวันนั้นก็ต้องเป็น ไม่มีใครบังคับได้ แต่ว่าจะเป็นชาติไหน กัปไหนนั้น ก็ไม่ต้องห่วง ถ้าเป็นหนทางที่ถูกแล้ว
ธรรม ๒ นาที เล่ม ๑
ชาวโลก เมื่อกล่าวว่าเที่ยง เป็นสุข เป็นอัตตา สวยงาม ย่อมขัดแย้งกับ พระพุทธเจ้าผู้ทรงแสดงว่า ธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่สวยงาม
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ผู้ฟังเกิดปัญญาของตัวเอง ถ้าไม่เกิดปัญญาของตัวเอง การฟังนั้นไม่มีประโยชน์
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1646
ปัญญาจะต้องค่อยๆ เกิดจากการฟัง และสติถึงจะค่อยๆ ระลึกได้ แล้วถึงประจักษ์แจ้งในลักษณะที่ไม่ใช่ตัวตนทีละเล็กทีละน้อย
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1646
วันหนึ่งๆ สิ่งที่เรายึดถือว่าเป็นของเรา จะไม่พ้นจาก ๖อย่าง หรือ ๖ ทาง คือ ทางตาเห็น เป็นเราเห็น ทางหูได้ยิน เป็นเราได้ยินทางจมูกได้กลิ่น เป็นเราได้กลิ่น ทางลิ้นลิ้มรส เป็นเราลิ้มรส ทางกายกระทบสัมผัส เป็นเรากระทบสัมผัส ทางใจคิดนึกเป็นสุขเป็นทุกข์นี่เรา ลองดูซิว่านอกจาก ๖ อย่างนี้แล้ว มีอะไรอีก ไม่ว่ากี่โลก ไม่พ้น ๖ อย่างนี้
แนวทางเจริญวิปัสสนา
www.dhammahome.com/cd/topic/94/25
ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้ว่า เป็นธรรมแต่ละชนิด เพียงเท่านี้ แต่คิดลงไปให้ลึกว่า ต้องทุกอย่างด้วย แม้แต่ความรู้สึกของเราเอง ก็เป็นแต่เพียงธรรมแต่ละชนิด ก็จะทำให้คลายลงไปใช่ไหมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย เพราะเหตุว่าเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง เราไม่ต้องเดือดร้อน เราไม่ต้องแบกโลก
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1645
ต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างที่เราต้องการ ซึ่งโลกนี้จะไม่เป็นอย่างนั้น โลกไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของใคร โลกเป็นสภาพธรรมซึ่งมีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ตามลักษณะของธรรมแต่ละชนิด ใครก็ไปยับยั้งไม่ได้
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1645
สาเหตุของความโกรธ ความไม่พอใจ ก็คือโลภะ ความที่เราต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างที่ต้องการแล้วไม่เป็นอย่างนั้น
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1645
เป็นผู้ที่สำรวจตัวเองเสมอ เมื่อฟังแล้วได้ประโยชน์จริงๆ หรือเปล่า ถ้าฟังแล้วก็ยังเป็นอกุศลมากมายอยู่ ยังคิดเหมือนเดิม อย่างนั้นก็ไม่เชื่อว่า ได้ประโยชน์จากพระธรรม แต่ว่าเมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว ก็เกิดกุศลจิตเพิ่มขึ้นในแต่ละทางจึงเป็นผู้ที่ชื่อว่า ได้ประโยชน์จากพระธรรม
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1645
During a discussion in Bangkok at Wat Bavornives, Khun Sujin explained that when we are very attached to a particular person, "one just gets more attachment, more akusala from the other". She stressed that there will always be "another and another person", and there will always be
sorrow from the objects that we like so much because we cannot always have them. "Less attachment, less sorrow."
Love and attachment
Stories of the past begin with these words. We do not really know the past.
We do not even know what we did and thought yesterday from moment to moment, it is all gone. We do not know who we were in a past life, it is forgotten. We were happy and unhappy but all those experiences are completely gone, never to return. Also in this life it is true that all we find so important is gone immediately. This life will be the past life in the next life.
Once upon a time
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ