ปัจจุบันประเทศไทยมีความขัดแย้งของคนในชาติ แบ่งเป็นสองฝ่าย แก่งแย่งชิงประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า อนาคตไปเบื้องหน้า ผู้คนจะเข่นฆ่ากันกันจนกระทั่งเมื่อสิ้นสุดยุคของพุทธศาสนาของพระสมณโคดม โลกในเวลานั้นจะเป็น
อย่างไรบ้าง
โลกข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับขณะนี้มีอะไรกำลังปรากฏเรื่องของ
โลกก็เป็นเช่นนี้เอง บางยุคก็เจริญขึ้น บางยุคก็เสื่อมถอยลง เป็นธรรมดาของโลก
ขณะนี้โลกทางตา ทางหู จมูก ลิ้น กาย และทางใจ กำลังแตกดับทุกขณะ ควรศึกษา
โลกในวินัยของพระอริยเจ้า เมื่อบุคคล รู้โลกตามความเป็นจริง ย่อมพ้นจากโลกได้
ครับ
สาธุ
ขอขอบคุณครับที่เตือนสติ ให้อยู่กับปัจจุบันขณะ อยากเรียนถามต่อว่า
ลักษณะที่ผมคิดไปและตั้งกระทู้นี้ มีสภาพธรรมอะไรปรากฏบ้าง ขอรบกวนท่าน
ผู้รู้ช่วยบอกด้วยครับ
ต้องศึกษาให้เข้าใจ จนกว่าจะมั่นคงจริงๆ ว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธรรมะ
ต่างกับเสียง ต่างกับแข็ง ต่างกับคิดนึก ลักษณะทีปรากฏไม่เหมือนกันแตกต่างกัน
ไม่ปนกัน สติเกิดระลึกตรงลักษณะที่มีจริงว่าเป็นธรรมะอย่างหนึ่งปรากฏแล้วหมด-
ไปไม่เที่ยงค่ะ
โลกข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับขณะนี้มีอะไรกำลังปรากฏ
ขออนุโมทนาครับ
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 11905 ความคิดเห็นที่ 5 โดย สุขภาวะ ขอขอบคุณครับที่เตือนสติ ให้อยู่กับปัจจุบันขณะ อยากเรียนถามต่อว่า ลักษณะที่ผมคิดไปและตั้งกระทู้นี้ มีสภาพธรรมอะไรปรากฏบ้าง ขอรบกวนท่านผู้รู้ช่วยบอกด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ขณะนี้มีสภาพธรรมธรรม ดังที่ได้กล่าวไว้ว่าให้อยู่กับปัจุบัน ซึ่ง
การจะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎก็ต้องเป็นเรื่องของปัญญาที่จะรู้ แต่การ
จะรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏนั้นเป็นอนัตตา บังคับบัญชาให้ปัญญาระลึกในลักษณะ
ของสภาพธรรมไมได้ ที่สำคัญขอให้เริ่มอบรมเหตุคือค่อยๆ ฟังพระธรรมให้เข้าใจใน
เรื่องสภาพธรรม ส่วนจะรู้เมื่อไหร่ก็เป็นหน้าที่ของธรรมและเป็นอนัตตาครับ ขณะนี้มี
สภาพธรรม อดีตผ่านไปแล้วก็คือผ่านไปแล้วครับ เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ....ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ [ภัทเทกรัตตสูตร] อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ
มีแต่ความทุกข์แต่ไม่มีหนทางหนี
ศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ทุกข์มี แต่ไม่ใช่ทุกข์ของผู้ใด หนทางหลุดพ้นมี แต่ดำเนินไปด้วยอัตตาไม่ได้จะสิ้นสุด หรือ ไม่สิ้นสุดพุทธศาสนาโลกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เป็นอย่างนี้แล้วก็จะยังเป็นอย่างนี้ คือวนเวียนเรื่อยไปในสังสารวัฏฏ์ถ้ายังดับกิเลสไม่ได้ ก็จะต้องเกิดอีก ...เห็นอีก ...ได้ยินอีก ...คิดนึกอีก ไม่มีสิ้นสุดต่างกันตรงที่ ...ในยุคที่ยังไม่สิ้นสุดพุทธศาสนาผู้ที่สะสมปัญญามา ก็ยังมีโอกาสที่จะได้เริ่มเข้าใจ " โลกตามความเป็นจริง "อาศัยศรัทธาที่มี ...เพียรศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้แก่พุทธบริษัทตลอด ๔๕ พรรษา เมื่อครั้นยังทรงพระชนมายุอยู่
ขออนุโมทนาครับ
.....ขออนุโมทนาค่ะ....."โลกข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับขณะนี้มีอะไรกำลังปรากฏ".....สาธุ.....
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ปัจจุบันนั้นแน่นอนที่สุด
ศึกษาธรรมเท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะต้องเป็นปัญญาจริงๆ ..ธรรมทั้งหลาย
เป็นอนัตตา... อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ