ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ข้อความบางตอนจาก แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๗๗๓ บรรยายโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
สังคหวัตถุ ๔
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กำลัง คือ การสงเคราะห์เป็นไฉน สังคหวัตถุ ๔ ประการนี้ คือ ทาน ๑ เปยยวัชชะ ๑ อัตถจริยา ๑ สมานัตตตา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทาน เลิศกว่าทานทั้งหลาย การแสดงธรรมบ่อยๆ แก่บุคคลผู้ต้องการ ผู้เงี่ยโสตลงสดับ นี้เลิศกว่าการพูดถ้อยคำอันเป็นที่รัก
สำหรับ เปยยาวัชชะ คือ การพูดถ้อยคำอันเป็นที่รัก ก็ย่อมทำให้บุคคลที่ได้ฟังสบายใจ เพียงสบายใจ แต่ว่าถ้าเป็นธรรม คือการแสดงธรรมบ่อยๆ แก่ผู้ที่ต้องการฟังผู้เงี่ยลงสดับ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "นี้เลิศกว่าการพูดถ้อยคำอันเป็นที่รัก"
วันหนึ่งๆ ก็มีเรื่องที่จะคุยกันมากเหลือเกิน หลายเรื่อง แต่ว่าเรื่องใดซึ่งเป็นการสงเคราะห์กันด้วยธรรม ย่อมมีประโยชน์ที่สุดเพราะทำให้บุคคลนั้นเจริญปัญญา ไม่ใช่แต่เพียงทำให้สบายใจเพราะเป็นเพียงถ้อยคำอันเป็นที่รัก แต่ว่านอกจากจะเป็นถ้อยคำอันเป็นที่รักแล้ว ก็ยังเป็นถ้อยคำที่มีประโยชน์เกื้อกูลแก่การอบรมเจริญปัญญายิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า " ธรรมทานเลิศกว่าทานทั้งหลาย การแสดงธรรมบ่อยๆ แก่บุคคลผู้ต้องการ ผู้เงี่ยโสตลงสดับ นี้เลิศกว่าการพูดถ้อยคำอันเป็นที่รัก " เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ เวลาที่จะคุยกัน เรื่องที่จะสนทนากันก็มีมาก รวมทั้งธรรมด้วย อย่าลืม (ว่า) ธรรมก็เป็นเรื่องที่จะสนทนากันได้เสมอ
ประการต่อไป พระผู้มีพระภาคตรัสถึง อัตถจริยา การประพฤติที่เป็นประโยชน์ทั้งหลายว่า
การชักชวนคนผู้ไม่มีศรัทธาให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในศรัทธาสัมปทา
ชักชวนผู้ทุศีลให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในศีลสัมปทา
ชักชวนผู้ตระหนี่ให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในจาคสัมปทา
ชักชวนผู้มีปัญญาทรามให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในปัญญาสัมปทา
นี้เลิศกว่าการประพฤติประโยชน์ทั้งหลาย
เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้นเลย ที่จะชักชวนบุคคลอื่นซึ่งไม่มีศรัทธาให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในศรัทธาสัมปทา หรือว่าใครซึ่งเป็นผู้ที่ทุศีล ถ้าสามารถที่จะชักชวนให้ผู้นั้นดำรงตั้งมั่นอยู่ในศีลสัมปทา ชักชวนคนที่ตระหนี่ให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในจาคสัมปทา หรือว่า ชักชวนให้คนที่มีปัญญาทรามให้ตั้งมั่นดำรงอยู่ในปัญญาสัมปทา ก็จะเป็นการประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์ ยิ่งกว่าการประพฤติประโยชน์ทั้งหลาย
สำหรับ สมานัตตัตตา คือการเป็นผู้มีตนเสมอ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
พระโสดาบันมีตนเสมอกับพระโสดาบัน
พระสกทาคามีมีตนเสมอกับพระสกทาคามี
พระอนาคามีมีตนเสมอกับพระอนาคามี
พระอรหันต์มีตนเสมอกับพระอรหันต์
นี้เลิศกว่าความมีตนเสมอทั้งหลาย นี้เรียกว่ากำลัง คือ การสงเคราะห์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๔ ประการนี้แล ฯ
ไม่ใช่สงเคราะห์แต่เฉพาะในเรื่องทานอย่างเดียวนะคะ ต้องคำพูดที่มีประโยชน์ ซึ่งเลิศกว่าถ้อยคำอันเป็นที่รัก แล้วก็การประพฤติที่เป็นประโยชน์ ที่เลิศกว่าการประพฤติประโยชน์ทั้งหลายแล้วก็ต้องเป็น การมีตนเสมอ คือประพฤติธรรมจนกระทั่งมีคุณธรรมเสมอกับพระโสดาบัน แล้วก็ยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีก คือให้บรรลุถึงคุณธรรมที่เสมอกับพระสกทาคามี แล้วก็ให้ยิ่งขึ้นไปอีกคือให้มีคุณธรรมบรรลุถึงความเสมอกับพระอนาคามี แล้วก็ให้มีคุณธรรมยิ่งขึ้นจนกระทั่งบรรลุถึงความเป็นผู้เสมอกับพระอรหันต์
ถ้ามีบุคคลซึ่งกระทำความดี ท่านผู้ฟังเห็น อนุโมทนา ยินดีด้วยจริงๆ ที่บุคคลนั้น สามารถที่จะกระทำความดีได้ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่พอ ต้องสำหรับตัวท่านเองด้วยที่จะเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม จนเป็นผู้ที่มีคุณธรรมเสมอกับพระอริยเจ้า
ความเป็นผู้มีตนเสมอ ควรเสมอในคุณธรรม ตามลำดับยิ่งขึ้น หรือว่าบางท่านจะคิดว่ามีตนเสมอกับผู้ที่มีอกุศลจิต ไม่ควรใช่ไหม ถ้าใครมีอกุศลแรงเท่าไร แรงขึ้นๆ เท่าไร ก็ไม่ควรที่คนหนึ่งคนใด จะคิดที่จะทำอกุศลให้แรงหรือให้มากเท่ากับบุคคลอื่นแต่โดยมาก ท่านผู้ฟังลืมที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อที่จะให้เป็นผู้มีคุณธรรมเสมอกับผู้ที่มีความประพฤติดี อาจจะเห็นว่าคนอื่นทำไมร้ายได้ ตัวท่านก็ควรจะต้องร้ายเสมอกับผู้นั้น ถูกไหมคะอย่างนี้ เป็นผู้เสมอในทางอกุศล เป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่ควรที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม จนกระทั่งมีคุณธรรม เสมอกับผู้ที่เป็นพระอริยเจ้า ตามลำดับขั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
[๒๘๕] ๓๙ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่สรรเสริญความปฏิบัติผิดของคน ๒ จำพวก คือ คฤหัสถ์ ๑ บรรพชิต ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์หรือบรรพชิตปฏิบัติผิดแล้ว ย่อมไม่ยังกุศลธรรมที่นำออกให้สำเร็จได้ เพราะการปฏิบัติผิดเป็นเหตุ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราสรรเสริญความปฏิบัติชอบของคน ๒ จำพวก คือ คฤหัสถ์ ๑ บรรพชิต ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์หรือบรรพชิตปฏิบัติชอบแล้ว ย่อมยังกุศลธรรมที่นำออกให้สำเร็จได้ เพราะการปฏิบัติชอบเป็นเหตุ.
จบสูตรที่ ๙
เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๓๙๗
สูตรที่ ๙
ว่าด้วยการปฏิบัติผิดไม่ยังกุศลธรรมให้สำเร็จ การปฏิบัติชอบยังกุศลธรรมให้สำเร็จ
คลิกเพื่ออ่าน -->
สังคหสูตร - วาจาสูตร
ขออุทิศส่วนกุศลแด่สรรพสัตว์
สาธุ
แล้วก็การประพฤติที่เป็นประโยชน์ ที่เลิศกว่าการประพฤติประโยชน์ทั้งหลายแล้ว ก็ต้องเป็น การมีตนเสมอ คือ ประพฤติธรรมจนกระทั่งมีคุณธรรมเสมอกับพระโสดาบัน แล้วก็ยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีก คือให้บรรลุถึงคุณธรรมที่เสมอกับพระสกทาคามี แล้วก็ให้ยิ่งขึ้นไปอีกคือให้มีคุณธรรมบรรลุถึงความเสมอกับพระอนาคามี แล้วก็ให้มีคุณธรรมยิ่งขึ้นจนกระทั่งบรรลุถึงความเป็นผู้เสมอกับพระอรหันต์
เพิ่งทราบความหมายของ การมีตนเสมอ ก็ตอนนี้ขอบพระคุณค่ะ
ขออนุโมทนา
เป็นความละเอียดมากค่ะ ละเอียดขึ้น เป็นประโยชน์มากขึ้น ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด คือได้ละความไม่รู้ทุกขณะที่เข้าใจ ดูเหมือนว่า เนิ่นนานมากกว่าจะได้อ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์เช่นนี้ แต่ขณะนี้ ได้อ่านแล้ว ก็เป็นบุญเหลือเกิน ที่ได้อ่าน หากจากโลกนี้ไปโดยยังไม่ได้อ่าน ก็สะสมความไม่รู้ต่อไป
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตการเผยแพร่พระธรรมด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลยิ่งค่ะ