[๔๐๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ พึงตอบเขาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายนามรูปที่โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ที่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เล็งเห็นว่า นามรูปนี้เป็นของจริง พระอริยเจ้าทั้งหลายเห็นด้วยดีแล้ว ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นามรูปนั่นเป็นของเท็จ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ 673
นี้เป็นอนุปัสสนาข้อที่ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นิพพานที่โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ที่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เล็งเห็นว่า นิพพานนี้เป็นของเท็จ พระอริยเจ้าทั้งหลายเห็นด้วยดีแล้วด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นิพพานนั้นเป็นของจริง นี้เป็นอนุปัสสนาข้อที่ ๒ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบอย่างนี้ ฯลฯ จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
ท่านผู้มีความสำคัญในนามรูป อัน
เป็นของมิใช่ตนว่าเป็นตน จงดูโลกพร้อมทั้ง เทวโลก ผู้ยึดมั่นแล้วในนามรูป ซึ่งสำคัญ นามรูปนี้ว่า เป็นของจริง. ก็ชนทั้งหลายย่อมสำคัญ (นามรูป)
ด้วยอาการใดๆ นามรูปนั้นย่อมเป็นอย่างอื่น ไปจากอาการที่เขาสำคัญนั้น นามรูปของผู้ นั้นแล เป็นของเท็จ เพราะนามรูปมีความ สูญสิ้นไปเป็นธรรมดา. นิพพานมีความไม่สูญสิ้นไปเป็น ธรรมดา พระอริยเจ้าทั้งหลายรู้นิพพานนั้น โดยความเป็นจริง พระอริยเจ้าเหล่านั้นแล เป็นผู้หายหิวดับรอบแล้ว เพราะตรัสรู้ของ จริง.
........................................................
ท่านผู้สำคัญในนามรูป ที่ไม่ใช่ตนว่าเป็นตนจึงยึดมั่นนามรูปว่าเป็นของจริง ชนทั้งหลายสำคัญนามรูปว่าเป็นอย่างไร ย่อมเป็นอย่างอื่น นามรูปเป็นของเท็จ เพราะนามรูปมีความสูญสิ้นไปเป็นธรรมดา
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาครับขออนุโมทนาครับ