[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 47
ส่วนศัพท์ว่า ธัมมะ นี้ ย่อมปรากฏในศัพท์เป็นต้นว่า ปริยัตติ สัจจะ สมาธิ ปัญญา ปกติ สภาวะ สุญญตา ปุญญะ อาปัตติ และเญยยะ
จริงอยู่ ศัพท์ว่า ธัมมะ ย่อมปรากฏในอรรถว่า ปริยัตติ ดังในประโยคเป็นต้นว่า ภิกษุในพระธรรมวินัย ย่อมเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ ดังนี้
ปรากฏในอรรถว่า สัจจะ ดังในประโยคเป็นต้นว่า พระธรรมอันบัณฑิตเห็นแล้ว คือรู้แล้ว ดังนี้
ปรากฏในอรรถว่า สมาธิ ดังในประโยคเป็นต้นว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่านั้น มีธรรมอย่างนี้
ปรากฏในอรรถว่า ปัญญา ในประโยคเป็นต้นว่า ดูก่อนพญาวานร ท่านผู้ใดมีธรรม ๔ เหล่านี้ คือ สัจจะ ธรรมะ ธิติ และจาคะ ดุจท่าน ท่านผู้นั้น ย่อมก้าวล่วง (ไม่ตกอยู่) ในอำนาจศัตรู ดังนี้
ปรากฏในอรรถว่า ปกติ ในประโยคเป็นต้นว่า มีความเกิดเป็นธรรมดา มีความแก่เป็นธรรมดา ดังนี้
ปรากฏในอรรถว่า สภาวะ ในประโยคเป็นต้นว่า กุศลธรรม ดังนี้
ปรากฏในอรรถว่า สุญญตา ในประโยคเป็นต้นว่า ก็ในสมัยนั้นแล พระธรรมทั้งหลาย ย่อมมี ดังนี้
ย่อมปรากฏในอรรถว่า ปุญญะ (บุญ) ในประโยคเป็นต้นว่า พระธรรมที่ประพฤติดีแล้ว (สะสมไว้ดีแล้ว) ย่อมนำสุขมาให้ ดังนี้
ย่อมปรากฏในอรรถว่า อาปัตติ ในประโยคเป็นต้นว่า ธรรมทั้งหลายที่เป็นอนิยต ๒ ประการ ดังนี้.
ปรากฏในอรรถว่า เญยยะ ในประโยคเป็นต้นว่า พระธรรมทั้งปวง ย่อมมาสู่คลอง ในพระญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยอาการทั้งปวง ดังนี้
แต่ในที่นี้ ธัมมะ ศัพท์นี้ ย่อมเป็นไปในอรรถว่า สภาวะ ในคำว่า ธรรม นั้น มีอรรถพจน์ดังนี้ว่า สภาวะเหล่าใดย่อมทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน เหตุนั้น สภาวะเหล่านั้น ชื่อว่า ธรรมะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
กราบขอบพระคุณครับที่มอบสารธรรมที่มีประโยชน์ เพื่อเกื้อกูลต่อความไม่รู้ให้รู้ขึ้นได้
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ