ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๐๘
โดย khampan.a  24 ก.ค. 2554
หัวข้อหมายเลข 18804

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้งรวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๘]

[๑] พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงเรื่องกุศลธรรมไว้มาก และทรงแสดงชี้แจงเรื่องของอกุศลธรรมทั้งหมดไว้โดยละเอียด เพื่อที่จะให้เห็นโทษของอกุศล และเห็นคุณของการอบรมเจริญกุศล โดยประการที่จะทำให้ผู้ฟังได้พิจารณาบ่อยๆ เนืองๆ โดยประการทั้งปวง เพื่อที่จะเป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดขึ้น โดยที่พระองค์มิได้ทรงมุ่งหวังสิ่งใดเพื่อพระองค์เองเลย นอกจากเพื่อประโยชน์ของผู้ฟัง เพื่อที่จะขัดเกลาให้เกิดศรัทธา เกิดกุศลจิตตามลำดับขั้นที่จะเป็นไปได้

[๒] พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธรรม ตลอด ๔๕ พรรษา เพื่อความเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ของผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา เท่านั้น

[๓] เกิดมามีความสุข ความสุขนั้นก็หมดไป อาหารอร่อยแต่ละมื้อก็หมดไป รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เราได้ยินได้ฟัง ก็หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลย แล้วก็ควรจะเข้าใจความจริงอย่างนี้ว่า ถึงแม้ว่าจะจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ยังมีโลกหน้าหรือชาติหน้า ซึ่งต้องเกิดสืบต่อ เหมือนเมื่อวานนี้กับขณะนี้ และพรุ่งนี้ ซึ่งจะมีต่อจากวันนี้ เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ได้สาระ ได้อะไร จากการมีชีวิตอยู่ เพราะเหตุว่า ประโยชน์สูงสุดของการมีชีวิต คือ เข้าใจความจริง ซึ่งก็คือ "ธรรม" ที่กำลังปรากฏในขณะนี้

[๔] เวลาที่อกุศล มี โลภะ เป็นต้น เกิดขึ้น ก็จะไม่เจริญกุศลประการใดๆ เลย เวลานั้นมีเครื่องกั้น ไม่ให้กุศลจิตเกิด เปรียบเหมือนกับพวกโจรหรือนักเลงที่ดักทำร้ายในหนทาง ไม่ยอมให้ไปสู่จุดหมายโดยราบรื่น อกุศลธรรมทั้งหลาย ก็เป็นเช่นนั้น คอยดักปล้นกุศล เพราะในขณะที่อกุศล เกิด กุศลก็จะเกิดไม่ได้

[๕] ชาตินี้เป็นอย่างนี้ ชาติหน้าก็เป็นอย่างนี้ ชาติต่อๆ ไป ก็ยังคงเป็นอย่างนี้อยู่ ถ้าไม่ได้เริ่มฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจเสียที จะเก่งกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรืออย่างไร ที่ไปคิดหาทางลัด เพราะทางลัดหรือวิธีลัด ไม่มีในพระพุทธศาสนา ดูเหมือนว่าชาตินี้มีกิเลสมาก แต่ว่าชาติหน้าอยากมีกิเลสน้อย นั่นเหตุกับผลไม่ตรงกัน ถ้าชาตินี้ไม่ขัดเกลากิเลส ไม่มีหิริโอตตัปปะ ไม่ละคลาย ชาติหน้าก็จะมีกิเลสน้อยไม่ได้
[๖] ฟังธรรมด้วยความตั้งใจ นั่นคือ การเคารพธรรม แต่ขณะใดก็ตามฟังแล้วไม่ตั้งใจหรือไม่สนใจ ในขณะนั้น ไม่ชื่อว่า เคารพธรรม

[๗] โลภะ กับ ปัญญา จะอยู่ด้วยกันไม่ได้

[๘] อกุศลทุกอย่าง ไม่สงบ
[๙] ความเข้าใจเท่านั้น ที่จะค่อยๆ ละความไม่รู้

[๑๐] ความเข้าใจพระธรรม นำมาซึ่งความเจริญทั้งปวง

[๑๑] สิ้นชาติ (การเกิด) คือ สิ้นเหตุที่ทำให้เกิดชาติ (คือ สิ้นกิเลส)

[๑๒] ใครจะคิดอย่างไร ก็คิดได้ แต่ความจริงไม่เปลี่ยน เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น

[๑๓] ทุกอย่าง ยังไม่รู้ [ยังไม่รู้สักอย่าง] จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้รู้ ด้วยการเริ่มฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง

[๑๔] การฟังพระธรรม ทำให้ละหนทางที่ผิด

[๑๕] อยู่ด้วยความดี และ เข้าใจพระธรรม

[๑๖] กุศลธรรม เกิดในขณะใด ขณะนั้นมีเพื่อนที่ดี เพราะเป็นเพื่อนที่ไม่ทำให้เกิดโทษภัยใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากเพื่อนสนิทอีกประเภทหนึ่ง คือ โลภะ ซึ่งเป็นอกุศลธรรม อย่างสิ้นเชิง
[๑๗] รอดจากอกุศล ด้วยกุศล ด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ถึงแม้จะน้อยก็ยังดีกว่าไม่รอดเลย

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๗ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 24 ก.ค. 2554

ชอบพระคุณและขออนุโมทนาในธรรมเตือนใจดีๆ ครับ


ความคิดเห็น 2    โดย aditap  วันที่ 24 ก.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 3    โดย pat_jesty  วันที่ 24 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 4    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 24 ก.ค. 2554
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 5    โดย wittawat  วันที่ 25 ก.ค. 2554

สิ้นชาติ คือสิ้นเหตุให้เกิดชาติ ไม่มีทางลัดในพระพุทธศาสนา เข้าใจธรรมเท่านั้นเป็นทางเดียว

ขอบคุณและ อนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย nong  วันที่ 25 ก.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย พร้อมเสมอ  วันที่ 25 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ สาธุ

ความคิดเห็น 8    โดย wannee.s  วันที่ 25 ก.ค. 2554

กุศลธรรม เกิดในขณะใด ขณะนั้นมีเพื่อนที่ดี เพราะเป็นเพื่อนที่ไม่ทำให้เกิดโทษภัยใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากเพื่อนสนิทอีกประเภทหนึ่ง คือ โลภะ ซึ่งเป็นอกุศลธรรม อย่างสิ้นเชิง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย wannee.s  วันที่ 25 ก.ค. 2554

ชาตินี้เป็นอย่างนี้ ชาติหน้าก็เป็นอย่างนี้ ชาติต่อๆ ไป ก็ยังคงเป็นอย่างนี้อยู่ ถ้าไม่ได้เริ่มฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจเสียที


ความคิดเห็น 10    โดย หลานตาจอน  วันที่ 26 ก.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 11    โดย orawan.c  วันที่ 26 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 12    โดย aurasa  วันที่ 28 ก.ค. 2554
กราบอนุโมทนาค่ะ เตือนใจได้ดี จริงๆ

ความคิดเห็น 13    โดย Jans  วันที่ 28 ก.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 14    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 31 ก.ค. 2554

@ "อกุศลเปรียบเสมือนโจรหรือนักเลงที่ดักทำร้ายในหนทาง ไม่ยอมให้ไปจุดหมายโดยราบรื่น"

@ "อกุศลคอยดักปล้นกุศล เพราะในขณะที่อกุศลเกิด กุศลเกิดไม่ได้"

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปันมากครับ


ความคิดเห็น 15    โดย jaturong  วันที่ 6 ต.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 16    โดย swanjariya  วันที่ 25 ธ.ค. 2555

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 17    โดย kullawat  วันที่ 15 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 18    โดย เจียมจิต  วันที่ 16 ส.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 19    โดย chatchai.k  วันที่ 29 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 20    โดย มังกรทอง  วันที่ 16 ส.ค. 2564

เวลาที่อกุศล มี โลภะ เป็นต้น เกิดขึ้น ก็จะไม่เจริญกุศลประการใดๆ เลย เวลานั้นมีเครื่องกั้น ไม่ให้กุศลจิตเกิด เปรียบเหมือนกับพวกโจรหรือนักเลงที่ดักทำร้ายในหนทาง ไม่ยอมให้ไปสู่จุดหมายโดยราบรื่น อกุศลธรรมทั้งหลาย ก็เป็นเช่นนั้น คอยดักปล้นกุศล เพราะในขณะที่อกุศล เกิด กุศลก็จะเกิดไม่ได้ น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 21    โดย มังกรทอง  วันที่ 16 ส.ค. 2565

กุศลธรรม เกิดในขณะใด ขณะนั้นมีเพื่อนที่ดี เพราะเป็นเพื่อนที่ไม่ทำให้เกิดโทษภัยใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากเพื่อนสนิทอีกประเภทหนึ่ง คือ โลภะ ซึ่งเป็นอกุศลธรรม อย่างสิ้นเชิง ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ