ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ผู้ทรงห่างไกลจากกิเลส ทรงตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิต นั่นเป็นมงคลอันสูงสุด
การที่เราอยู่กับใคร คลุกคลีกับบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดนานๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการโน้มเอียงไปตามบุคคลนั้น ถ้าคบคนพาล (คนพาล คือผู้ตัดประโยชน์ทั้งในโลกนี้และประโยชน์ในโลกหน้า เป็นบุคคลที่คิดชั่ว ทำชั่ว พูดชั่ว ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ เป็นต้น) ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่รู้ประโยชน์ของกุศล เป็นผู้ที่ประกอบแต่ทุจริตประการต่างๆ การคบบุคคลประเภทนี้ย่อมเป็นทางที่จะนำเราไปสู่ความเสื่อมได้ เพราะจะทำให้เราเหินห่างจากการฟังพระธรรมอบรมเจริญปัญญา และ เหินห่างจากการเจริญกุศลประการต่างๆ ด้วยครับ เราอาจจะไม่ได้สังเกตว่า เราโน้มเอียงไป แต่เราอาจจะโน้มเอียงไปทีละน้อยๆ ได้ ครับ
ถ้าเราคบบัณฑิต (บัณฑิต คือ ผู้ดำเนินไปด้วยปัญญา, เป็นผู้ที่คิดดี ทำดี พูดดี,เห็นโทษโดยความเป็นโทษ เป็นต้น) ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้คุณค่าหรือเห็นประโยชน์ของกุศล มีจิตใจประกอบด้วยเมตตาธรรม คอยเกื้อกูลในทางธรรมอยู่เสมอๆ ก็จะส่งเสริมเกื้อหนุนให้เราเป็นผู้เจริญในกุศลธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปได้ ครับ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรงชี้ให้เห็นถึงโทษของการคบคนพาล และทรงแสดงถึงคุณของการคบบัณฑิตไว้ ครับ
การคบคนพาล พาลไปหาผิด เป็นเหตุให้ตกนรก การคบบัณฑิตพาไปหาผล
สูงสุดบรรลุ มรรค ผลนิพพานค่ะ
จะเจริญหรือเสื่อมก็อยู่ที่การคบเช่นเดียวกันเชิญคลิกฟังที่นี่ครับอันตรายที่สุดคือคลุกคลีกับความเห็นผิด
มิฉะนั้นจะไม่ทรงแสดงมงคลข้อที่ 1 เลย
ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต ไม่ประมาท
ควรทราบด้วยว่าอย่างไร...คือคบ บัณฑิต จะได้ไม่เข้าใจผิดไปคบ คนพาล
บัณฑิต คิดดี กายวาจาดี
คนพาลคิดไม่ดี กายวาจาไม่ดี
ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ว่าใครเป็นพาลหรือบัณฑิตครับ